เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยถึงกรณีเตรียมตั้งกระทู้ถามสดถามนานเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่องธนาคารของไทยเชื่อมโยงกับสงครามเมียนมา ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับที่ตนเอง ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมามีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยได้พูดคุยกับหน่วยงานผู้ปฏิบัติ สิ่งหนึ่งที่ยังไม่รู้คือแนวทางของรัฐบาล การตรวจสอบและป้องกัน ซึ่งต้องเกิดความร่วมมือเพื่อไม่ให้ระบบธนาคารไปเกี่ยวข้องกับเงินเปื้อนเลือดในเมียนมา
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปปง. จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญ เราเห็นสัญญาณจากธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้กำกับดูแลธนาคาร เราเห็นสัญญาณจาก ปปง. เราจึงอยากรู้สัญญาณจากรัฐบาล เป็นคำถามที่ตอบไม่ยาก เป็นสิ่งที่เราอยากเห็น โมเดลนี้สามารถเกิดขึ้นได้แล้วในประเทศสิงคโปร์ ผลปรากฏว่าระบบธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อยุทโธปกรณ์ในเมียนมาลดลงทันทีภายในหนึ่งปี จึงคิดว่าโมเดลลักษณะนี้สามารถนำมาปรับใช้กับประเทศไทยได้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคาดหวังที่นายกฯ จะมาตอบนั้น เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของหัวหน้าฝ่ายบริหาร ถ้านายกฯ มาตอบเองได้เป็นเรื่องที่ดีที่สุด สัปดาห์ก่อนมีการกดดันมากมาย จนสุดท้ายนายกฯ ตัดสินใจมาด้วยตนเอง แต่ปกติเห็นภาพของการมอบให้กระทรวงต่างๆ มาตอบแทน คนที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศไทยคือนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเกี่ยวข้องกับกลไกต่างๆ ทั้งกลไกการตรวจสอบ และการต่างประเทศ นายกฯ จะทำได้ดีที่สุด หากเป็นคนพูดเอง จะส่งผลดีต่อรายงานของผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติ ด้านสิทธิมนุษยชนเมียนมา เป็นภาพลักษณ์ที่ดีที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของประเทศไทย กับการสร้างสันติสุขในเมียนมา
“ไม่รู้ว่านายกฯ จะมอบใคร แต่น้ำหนักตรงนี้จะน้อยลง ผมพูดกับสื่อมวลชน พยายามที่จะแนะนำไปยังรัฐบาลว่าคิดเอาเองอะไรคือผลดี แต่ผมคิดว่าถ้านายกฯ ตอบ จะเป็นผลดีต่อรัฐบาล และประเทศชาติมากที่สุด”
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ย้ำว่าเราต้องการความชัดเจนจากรัฐบาล ทั้งยังขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานเกี่ยวกับการเงินมายังคณะกรรมาธิการภายใน 30 วัน และต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความชัดเจน ควรหาโอกาสไปเยี่ยมคารวะ รมว.การต่างประเทศ เดินทางไปที่ธนาคารประเทศไทย เพื่อติดตามพูดคุยเรื่องนี้ เพื่อตรวจสอบและป้องกันการการคลังของประเทศไม่ให้เกี่ยวข้องกับเงินเปื้อนเลือด หากรัฐบาลสามารถสร้างความชัดเจนได้ คงนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องเมียนมาให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมบทบาทไทยในการสร้างสันติสุขเมียนมา.