มันมาจากการที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกฯ มาตอบกระทู้บ้าง ทำให้นายกฯ เสี่ยนิดต้องเปลี่ยนกำหนดการเข้ามาตอบกระทู้ของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นการด่วน โดย น.ส.ศิริกัญญาตั้งคำถามถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและมาตรการช่วยเหลือคนตัวเล็กตัวน้อยของรัฐบาล ไม่ใช่รอแค่อัดฉีดเงินดิจิทัล

กลายเป็นนายกฯ ดูเสียทรงไปตรงที่ไปตีโวหารเรื่องสู้เพื่ออนาคตดีกว่าแรงค้านที่ไร้อนาคต ก็โดนตอบโต้จากฝ่ายค้านไปพอท้วมๆ ขณะที่ตัวเสี่ยนิดเอง เมื่อให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงเรื่องนี้ก็ยิ้ม และบอกทำนองว่าไม่ได้หมายถึงฝ่ายค้าน ซึ่งก็แล้วแต่คนจะคิดเอาแล้วกันว่า “แรงค้านที่ไร้อนาคต” นายกฯ หมายถึงอะไร หรือหมายถึงใคร

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นนั้น ทาง รมช.คลัง ทั้ง รมช.หนิม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ รมช.ออฟ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ก็บอกว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ 15 ก.ค. ถ้ามีนโยบายไหนทำได้ทันทีก็จะเสนอเข้า ครม.ชุดใหญ่ 16 ก.ค. และยังมีนโยบายให้ ธ.ออมสินปล่อยซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาทเข้าช่วยอีก

ขณะที่นายกฯ นั้น ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เดินสายออกต่างจังหวัดบ่อย เพื่อมอบนโยบายเรื่องยาเสพติด โดยเป้าหมายคือ การปราบปรามแบบครบวงจร ผู้เสพชี้เป้าผู้ค้ารายย่อย รายย่อยชี้เป้ารายใหญ่ จับกุมรายใหญ่ สาวถึงกระบวนการผลิต ตัวชี้วัดหนึ่งที่ต้องเห็นอย่างมีนัยยะสำคัญคือ ยาบ้าหายากขึ้น ราคาสูงขึ้นมาก , คนเข้ารับบำบัดเพิ่มขึ้น

ซึ่งพูดก็พูดเถอะว่า เรื่องยาเสพติดนี่ทำลายสังคมไทยมากกว่าที่ใครๆ คิด บางคนอาจคิดว่า เขาอยู่ในสังคมไทยเรื่องยาไกลตัว จริงๆ ไม่ใช่เลย เพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “คนรอบตัวเราคนไหนเล่นยาบ้าง” ปัจจุบันมันมีการเล่นยาเพื่อความบันเทิงในแทบทุกชนชั้นประชากร แม้แต่อาชีพมีเกียรติยังเล่นพวกตัวแพงอย่างโคเคน มีการเล่นเพื่อเพิ่มอารมณ์ทางเพศ

“สิ่งที่ไม่เป็นข่าว”เกี่ยวกับยาเสพติดมีอีกมาก ในบางครอบครัว พ่อแม่อายุมากยังต้องมาดูแลลูกวัยทำงานที่เล่นยาจนสมองพัง ทำงานทำการไม่ได้ กลายเป็นการบั่นทอนกำลังประชากรกลุ่มวัยทำงานในสังคมที่กำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  เสียโอกาสทางเศรษฐกิจครัวเรือน และรัฐบาลก็ต้องทุ่มเทเงินไปจำนวนมากสำหรับการบำบัด

ในด้านสังคมเอง ก็ต้องผวากับคนติดยา ซึ่งไม่รู้ว่า วันดีคืนดีจะหลอนอาละวาดขึ้นมาเมื่อไร ก่อปัญหาอาชญากรรมจากเล็กๆ น้อยๆ เช่นการลักขโมย ไปจนถึงการชิงทรัพย์ การทำร้ายร่างกายทั้งเพื่อประสงค์ทรัพย์หรือเพราะเกิดอาการหลอน ในสมัยรัฐบาลทักษิณ เกิดเหตุที่มีผู้หลอนยาฆ่าปาดคอนักศึกษา จนกลายเป็นการเข้มนโยบายปราบยาเสพติด

ตรงนี้เอง อาจเป็นก้าวหนึ่งในการปรับตัวของนายกฯ ที่เอาวาระใหญ่ๆ มาเป็น one man show บัญชาการ ตรวจงานให้คนเห็นชัดๆ อย่างเรื่องยาเสพติดให้มีภาพจำชัดเจนแบบนายทักษิณ (แต่อย่าเป็นภาพจำแบบเดียวกัน อย่ามีภาพเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน) กุนซือด้านการสื่อสารของนายกฯ อาจต้องคิดแผนการเอาจุดนี้มาเน้น

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้นายกฯ ทำให้เกิดภาพเป็นที่ประจักษ์ คือ “ความพยายามในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน” โครงการเมกะโปรเจคส์ เชิญต่างชาติมาลงทุนมันคงอีกยาว แต่หนี้สินครัวเรือนเรื่องเฉพาะหน้า การลงพื้นที่ถ้ามองให้ดีก็เรียกว่า เป็นการตามงานอย่างหนึ่ง แต่ต้องให้เห็นภาพความสำเร็จ เบื้องต้น ขอ 2 เรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์

เรื่องใกล้เคียงชีวิตประชาชน ผลงานจะสังเกตและเป็นที่จดจำได้ง่าย ก็มุ่งทำให้ชัดจะดีกว่าทำทุกอย่าง.