การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. นี้ เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน เบอร์ลิน ในนครเบอร์ลิน เป็นการเจอกันระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน เจ้าของแชมป์ 3 สมัย (1964, 2008,2012) พบกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เข้ารอบชิงยูโรเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์รายการนี้มาก่อน โดยเคยประสบความสำเร็จได้แค่แชมป์โลกหนเดียวเมื่อปี 1966 หรือนานถึง 58 ปีมาแล้ว ถ่ายทอดสดช่อง PPTV36 (หมายเลข 36) เวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย

*เซาธ์เกตยึดแผนเดิมต่อไป
อังกฤษ ภายใต้การนำของ แกเรธ เซาธ์เกต ผ่านรอบแรกมาในฐานะแชมป์กลุ่ม C จากนั้นรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมเฉือนชนะสโลวาเกีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ, รอบ 8 ทีมสุุดท้ายชนะจุดโทษสวิตเซอร์แลนด์ 5-3 (เสมอใน 120 นาที 1-1) และ รอบรองชนะเลิศเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 โดยทุกนัดในรอบน็อคเอาท์ อังกฤษ เป็นฝ่ายตามหลังก่อนทุกนัด

ความพร้อมอังกฤษไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบน คาดว่าเซาธ์เกตจะยึดแผน 3-4-2-1 เหมือนเดิม แต่ยังต้องตัดสินใจตำแหน่งวิงแบ็กซ้ายว่าจะให้คีแรน ทริปเปียร์ ทำหน้าที่ต่อหรือสลับให้ ลุค ชอว์ ได้ลงมาเป็นตัวจริง เพราะเป็นด้านที่ต้องรับมือกับ ลามีน ยามาล ไอ้หนูวัย 17 ปีของสเปนที่ฟอร์มกำลังจัดจ้านมาก แต่ที่เหลือน่าจะชุดเดิม จอร์แดน พิคฟอร์ด เฝ้าเสา กองหลัง มาร์ค เกฮี, จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์คเกอร์ โดยมี บูกาโย ซากา เป็นวิงแบ็กขวา ทริปเปียร์ ยืนฝั่งซ้าย คอบบี เมนู ที่นัดก่อนฟอร์มเด่นประสานงานกับ เดแคลน ไรซ์ อยู่หลัง ฟิล โฟเดน, จู๊ด เบลลิงแฮม และ แฮร์รี เคน กัปตันทีมเป็นศูนย์หน้า

*สเปนได้ตัวจริงพ้นโทษแบน
ด้าน สเปน ภายใต้การนำของหลุยส์ เดอ ลา ฟูเอนเต กุนซือวัย 63 ปี โชว์ฟอร์มหล่อตั้งรอบแรกที่ชนะ 3 นัดรวดแบบไม่เสียประตูจนเป็นแชมป์กลุ่ม จากนั้นรอบ 16 ทีมไล่ถล่ม จอร์เจีย 4-1 ต่อด้วยรอบ 8 ทีมหักด่านเจ้าภาพเยอรมนี ช่วงต่อเวลา 2-1 และรอบรองชนะเลิศเฉือนฝรั่งเศส 2-1 พร้อมกับการแจ้งเกิดเต็มของลามีน ยามาล ที่ยิงไกลสุดสวยเข้าไปทำให้ชนะมาแล้ว 6 นัดติดต่อกันในรายการนี้

ขุมกำลัง “กระทิงดุ” ดีกว่านัดก่อน เนื่องจาก โรบิน เลอ นอร์กมังด์ และ ดานี คาร์บาฆัล 2 กองหลังพ้นโทษแบนเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ นาโช เฟอร์นานเดซ และ เฆซุส นาบาส จะกลับไปนั่งตัวสำรอง ตำแหน่งอื่นไม่เปลี่ยนแปลง อูไน ซิมอน เป็นผู้รักษาประตู กองหลังขวาไปซ้าย ดานี คาร์บาฆัล, โรบิน เลอ นอร์กมังด์, อายเมริค ลาปอร์ต, มาร์ค กูกูเรญา ส่วนแดนกลาง โรดรี, ฟาเบียน รุยซ์, ดานี โอลโม และเกมรุก นิโก วิลเลียมส์, อัลบาโร โมราตา, ลามีน ยามาล ที่เพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 17 ปีเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา

*สิงโตสถิติในเมเจอร์ดีกว่า
สถิติเจอกันมาทั้งหมด 27 ครั้ง อังกฤษ ดีกว่าเล็กน้อย คว้าชัยได้ 14 เสมอ 3 แพ้ 10 ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2018 อังกฤษบุกชนะ 3-2 ในรายการยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก แต่ถ้านับเฉพาะการเจอกันในถ้วยเมเจอร์ อังกฤษ ถือว่ามีผลงานดีกว่ามาก เมื่อเคยชนะสเปนแบบไปกลับ 1-0, 2-1 ในรอบเพลย์ออฟ รอบก่อนรองชนะเลิศ ปี 1968, อังกฤษชนะ 2-1 ในยูโร 1980, เสมอ 0-0 ในฟุตบอลโลก 1982 และ อังกฤษชนะจุดโทษ 4-2 หลังจากเสมอ 0-0 ในยูโร 1996 รอบก่อนรองชนะเลิศ

*ซูเปอร์คอมฯชูกระทิงแชมป์
“อีฟนิง สแตนดาร์ด” สื่อดังของอังกฤษวิเคราะห์ว่าการต่อสู้กันระหว่างสเปนและอังกฤษอาจได้เห็นกันมากขึ้นในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ในอีกหลายปีข้างหน้า สเปน เป็นทีมอายุน้อย มีการจัดการที่ดี เต็มไปด้วยพละกำลัง ไหวพริบและยังมีแนวรุกที่เฉียบขาดอีกด้วย ซึ่งยกเว้นเกมบางนัดแล้ว คุณสมบัติหลายอย่างนี้สามารถเป็นคำอธิบายทีมชาติอังกฤษได้เช่นกัน สเปน จะอันตรายมากถ้ามีพื้นที่ว่างให้โจมตี จะเป็นเกมที่ยากมากของอังกฤษ แต่อังกฤษจะชนะจุดโทษ ในขณะที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตาที่เป็นหน่วยงานเก็บข้อมูลและสถิติประมวลผลออกมาว่าสเปนมีโอกาสเป็นแชมป์มากถึง 60.38% ส่วนอังกฤษมีโอกาสคว้าแชมป์เพียง 39.62%

*ยูฟ่าเลือกเปาน้ำหอมเป่านกหวีด
สำหรับผู้ตัดสินนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าเลือก ฟรองซัวร์ เลเตซิเยร์ วัย 35 ปี เป็นหนึ่งในผู้ตัดสินอายุน้อยสุดของเกมชิงชนะเลิศ โดย 3 ครั้งที่ผ่านมาผู้ตัดสินมีอายุ 48, 41, 41 ในขณะนั้น โดย เลเตซิเยร์ ทำหน้าที่ในยูโร 2024 ไปแล้ว 3 นัด รวมถึงเกมที่ชนะสเปนชนะจอร์เจีย 4-1 เขายังไม่เป่าให้จุดโทษและชูใบแดงไล่นักเตะ มีเพียงแจกใบเหลืองรวม 10 ใบและยังไม่มีข้อขัดแย้งเรื่อง VAR โดยเจ้าตัวเป็นผู้ตัดสินที่แจกใบแดงไม่บ่อยนัก 9 เกมหลังสุดที่ทำหน้าที่ในถ้วยยุโรปฤดูกาลก่อนแจกชูใบแดงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

*แข้งผู้ดีถ้าแชมป์ฟันเงินคนละ 17 ล.
มีการเปิดเผยว่าขุนพลนักเตะทีมชาติอังกฤษ หากรวมพลังคว้าแชมป์ยูโรมาได้สำเร็จ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) จะได้เงินรางวัลจากยูฟ่า 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,125 ล้านบาท) โดยที่นักเตะจะได้รับการจัดสรรจากส่วนแบ่ง 9.6 ล้านปอนด์ (ราว 450 ล้านบาท) หรือได้โบนัสเฉลี่ยคนละ 369,000 ปอนด์ (ราว 17.3 ล้านบาท)

ขณะที่ แกเรธ เซาธ์เกต กุนซือทีมจะโบนัสก้อนโตแบบจุกๆ คนเดียวอีกต่างหาก 4 ล้านปอนด์ (ราว 187 ล้านบาท) มากกว่าหลุยส์ เดอ ลา ฟูเอนเต กุนซือทีมชาติสเปนถึง 10 เท่า โดยสื่อคาดว่าถ้าได้แชมป์จริง เซาธ์เกต อาจตัดสินใจลาออกหลังนัดชิงชนะเลิศ แต่ เอฟเอ จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เจ้าตัวคุมไปอีกสองปีเป็นอย่างน้อย

ด้านนักเตะทีมชาติสเปนหากคว้าแชมป์จะได้เงินรางวัลราวคนละ 300,000 ปอนด์ (ราว 14.3 ล้านบาท) น้อยกว่าทีมชาติอังกฤษ กระนั้นโบนัสจำนวนนี้จะเป็นสถิติจ่ายเงินโบนัสสูงสุดของสเปน