สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ว่า ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการอนุมัติวงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 61,455 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ครอบคลุมโรงงาน 11 แห่ง ใน 8 รัฐ รวมถึงโรงงานที่เมืองแลนซิง ในรัฐมิชิแกน และโรงงานที่เมืองฟอร์ต แวลลีย์ ในรัฐจอร์เจีย


อนึ่ง รัฐมิชิแกนและรัฐจอร์เจีย จัดอยู่ในกลุ่มรัฐที่เป็นสวิงสเตต ซึ่งหมายถึงรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคการเมืองใด ในการเลือกตั้งสหรัฐแทบทุกระดับ


แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า โครงการช่วยเหลือดังกล่าว จะช่วยรักษางานในชุมชนของกลุ่มรัฐที่จะได้รับงบประมาณช่วยเหลือได้ราว 15,000 อัตรา และจะเป็นการสร้างงานใหม่เพิ่มเติมอีก 3,000 อัตรา


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐ ถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของภาครัฐ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมอีวีของประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน


ทั้งนี้ สหรัฐเตรียมใช้มาตรการกำแพงภาษีรอบใหม่กับจีน รวมมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 650,700 ล้านบาท) เริ่มตั้งแต่ปีนี้ “เพื่อกระตุ้นและโน้มน้าวให้จีนยุติการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา และนวัตกรรม” ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด

สำหรับสินค้าของจีนที่รัฐบาลไบเดนจะขึ้นภาษีนั้น รวมถึงอีวี จาก 27.5% เป็น 102.5% และโซลาร์เซลล์ จาก 25% เป็น 50% ภายในปีนี้ ด้านเซมิคอนดักเตอร์บางประเภทจากจีน ต้องชำระภาษีเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 50% ภายในปี 2568

นอกจากนี้ ยังมี “สินค้าประเภทอุปกรณ์การแพทย์” และแร่ธาตุอีกหลายรายการ ที่จะมีการขึ้นภาษีเช่นกัน ส่วนสินค้าที่มีการตั้งกำแพงภาษีในยุครัฐบาลชุดก่อนหน้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังคงอยู่ที่อัตราเดิม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES