เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย ว่า ตอนนี้เกิดภาพความขัดแย้งขึ้นในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเรื่องของคนภายในพรรคล้วนๆ ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย เช่น กรณีของนายวรชัย เหมะ แกนนำคนเสื้อแดง และเป็นอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีนายภูมิธรรม เวชชยชัย ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย แต่ผลงานไม่เกิดขึ้น จนได้รับการตอบโต้จาก นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อย่างรุนแรง ว่าเพราะนายวรชัย ไม่ได้ใกล้ชิดนายกฯ จึงไม่รู้ว่าทำงานหนัก และมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกหลายคน เข้ามาแสดงความเห็นผสมโรงด้วย

นายเทพไท ระบุอีกว่า กรณีที่ 2 คือความขัดแย้งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกนายวัน อยู่บำรุง บุตรชายของ ร.ต.อ.เฉลิมชัย อยู่บำรุง มาตำหนิ จากกรณีที่ไปให้กำลังใจ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในการนับคะแนนในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี จนนายวันต้องพิจารณาตัวเอง ลาออกจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และสมาชิกพรรค ด้วยแรงกดดันจาก น.ส.แพทองธาร ทำให้ร้อนถึง ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาฟาดงวงฟาดงา ท้าทายให้ขับออกจากพรรคฯ และล่าสุด น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่าได้ตำหนิจริง จะไม่ไปปรับความเข้าใจถึงบ้านอีกแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณการตัดขาดกันทางการเมืองแล้ว ระหว่างครอบครัว “อยู่บำรุง” กับครอบครัว “ชินวัตร”

นายเทพไท ระบุว่า ภาพเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยตอนนี้ เป็นการพิสูจน์ภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ที่พยายามสร้างภาพความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรค โดยการตำหนินายวันเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู โชว์ความเด็ดขาดและความเป็นผู้นำหญิงแกร่ง แต่ในทางตรงข้ามได้สร้างภาพลบ มากกว่าภาพบวก เพราะบทบาทแบบนี้น่าจะเป็นบทบาทของเลขาธิการพรรคมากกว่า ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นในพรรคการเมืองอื่น หัวหน้าพรรคจะไม่มายุ่ง แต่ปล่อยให้เลขาธิการพรรคจัดการ โดยไม่ต้องให้หัวหน้าพรรคเปลืองตัว

“แต่กรณีของคุณอุ๊งอิ๊ง คงจะเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเหมือนบริษัทภายในครอบครัว การเป็นหัวหน้าพรรคก็เหมือนซีอีโอของบริษัท จึงมีอำนาจเต็มสามารถสั่งการได้อย่างเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว จึงอยากให้คุณอุ๊งอิ๊ง ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองไม่มากนัก ยังขาดวุฒิภาวะทางการเมือง ได้สั่งสมประสบการณ์ในการนำพาพรรคเพื่อไทย ให้เป็นที่ยอมรับของคนภายในพรรค และบุคคลภายนอกในโอกาสต่อไป” นายเทพไท ระบุ