เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ห้องประชุมรัฐสภา (เกียกกาย) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เขต 1 จ.กาฬสินธุ์ ได้ตั้งกระทู้ถามทั่วไป อภิปรายถึงปัญหาที่ได้ประสบด้วยตนเองและจากประชาชนผู้โดยสารในสนามบิน จากการที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. หรือ AOT ได้ทำสัญญากับบริษัทเอกชนรายใหญ่ ในการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม 30 บาท ในการให้บริการระบบการตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้โดยสาร (PVS) นอกเหนือไปจากค่าโดยสาร จากเดิมที่มีการเรียกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมอยู่แล้ว 100 บาท เป็น 130 บาท จึงอยากรู้ว่าเงินเก็บเพิ่ม 30 บาทนั้นเรียกเก็บเพื่ออะไร

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ทอท. เซ็นสัญญากับบริษัทรายใหญ่และมีการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในส่วนของผู้โดยสารไว้ 90% ทั้งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563 เกิดสถานการณ์โควิด ทอท.ก็ต้องแบกภาระในการจ่ายเงินมาตลอด จนถึงปัจจุบัน ตนมองว่าการเก็บเงินเพิ่มที่อยู่ในตั๋วโดยสารอากาศยาน 30 บาทนั้น ทำไมต้องจ่าย และต้องจ่ายด้วยเหตุผลอะไร เพราะปกติค่าธรรมเนียมประชาชนที่ใช้อากาศยานต้องจ่ายอยู่แล้วคนละ 100 บาท จึงสงสัยว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ เพราะหากคำนวณแล้ว หากมีผู้โดยสารต่อวันมากๆ เม็ดเงินที่ถูกเก็บมาคนละ 30 บาทก็มีจำนวนมหาศาล หาก ทอท. ทำเองจะไม่ได้ประโยชน์มากกว่าหรือไม่ ทำไมต้องให้เอกชนไปลงทุนด้วยการผูกขาดในสัญญาถึง 10 ปี

กระทู้ครั้งนี้จะมีคำถาม 5 ประเด็น คือ 1.ในเมื่อสายการบินมีระบบตรวจสอบอยู่แล้วทำไมมีการนำระบบ PVS ที่เพิ่งจะใช้ได้ไม่กี่เดือนนี้มาใช้ 2.มองว่าการเก็บจะมีกำไร ทำไม ทอท. ถึงไม่ลงทุนเอง ต้องให้เอกชนลงทุน 3.การเรียกเก็บนี้ ได้แจ้งให้ผู้โดยสารทราบหรือไม่ว่าจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 30 บาท 4.การเรียกเก็บเงิน 30 บาทนั้นหน่วยงานใดเป็นผู้อนุมัติ และ 5.สัญญา 10 ปีที่ทำเอาไว้กับเอกชนนั้น คิดคำนวณจากหลักเกณฑ์อะไรมาวัด 10 ปี จะเกินจุดคุ้มทุนหรือไม่

โดยนายวิรัช ได้ถาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบหมายให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ตอบ แต่รมว.คมนาคม ได้มอบหมายให้ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลุกขึ้นตอบกระทู้แทนว่า ระบบ PVS เป็นสัญญาผูกขาดร่วมทุนกับบริษัทเอกชน ที่การทำสัญญาได้ทำถูกต้องตามขั้นตอน เรียกเก็บกับผู้โดยสารรายละ 30 บาท โดย ทอท. ได้คำนวณต้นทุนคิดรายละเอียดเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในราคาที่เหมาะสม ผ่านการเห็นชอบของสถาบันการบินแห่งประเทศไทย ซึ่งผลกำไรของ ทอท. จะนำไปปรับปรุงพัฒนาสถานที่ สนามบิน ลานลู่วิ่ง ที่พัก ห้องน้ำ ร้านค้า และมีโครงการที่รับผิดชอบต่อสังคม แต่ถึงอย่างไรก็จะนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าว ทอท.ในข้อห่วงใยของ สส.วิรัช เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มพัฒนาสนามบินของไทย ให้ดียิ่งขึ้นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้นายวิรัช ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า กระทู้ดังกล่าวตนได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและข้อสงสัยจากประชาชนผู้โดยสาร รวมถึงบริษัทเดินอากาศในหลายแห่ง จึงได้นำมาบอกกล่าว หลังรับฟังคำชี้แจง ก็ยังติดใจในการเรียกเก็บเงิน 30 บาท เพื่อให้กับระบบตรวจสอบ PVS และว่าในขณะนี้ กมธ.การเงิน การคลังฯ จะนำเรื่องนี้เข้าไปตรวจสอบและนำมาพิจารณาในสภาต่อไปด้วย.