สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ว่าสืบเนื่องจากการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส วัย 53 ปี  ถึงภายในบ้านพัก ที่กรุงปอร์โตแปรงซ์ เมื่อช่วงรุ่งสางของวันพุธที่ผ่านมา ส่วนนางมาร์ทีน โมอิส ภริยาและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในเมืองไมอามีของสหรัฐ

เจ้าหน้าที่ลีออง ชาร์ลส ผู้บัญชากาสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเฮติ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน ว่ากลุ่มคนร้าย “เป็นชาวต่างชาติ” เป็นชาวโคลอมเบีย 26 คน และชาวเฮติ-อเมริกัน อีก 2 คน ซึ่งสัญชาติของผู้ต้องสงสัยแต่ละคนอ้างอิงจากหนังสือเดินทาง ระบุผู้มีอายุน้อยที่สุด 35 ปี และมากที่สุด 55 ปี

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 17 คน เป็นชาวโคลอมเบีย 15 คน และชาวเฮติ-อเมริกัน 2 คน ขณะที่ในวันเกิดเหตุ ตำรวจวิสามัญคนร้ายได้อย่างน้อย 3 ราย และกำลังเร่งไล่ล่าตัวผู้ที่ยังหลบหนีอีก 8 คน  
นายโคลด โจเซฟ รักษาการผู้นำเฮติ แถลงร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจากหลายหน่วยงาน ที่สำนักงานตำรวแห่งชาติ ในกรุงปอร์โตแปรงซ์
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาวเฮติ-อเมริกันนั้น ข้อมูลตามหนังสือเดินทางระบุชื่อ นายเจมส์ โซแลงส์ วัย 35 ปี และนายโจเซฟ วินเซนต์ วัย 55 ปี  โดยโซแลงส์มีประวัติเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประจำสถานเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำกรุงปอร์โตแปรซ์ ด้านกระทรวงการต่างประเทศแคนาดายังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ 
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังสงวนท่าที ต่อการที่มีชาวเฮติ-อเมริกันถูกจับกุม โดยมีแถลงการณ์เพียงว่า "กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิด" กับรัฐบาลเฮติ ส่วนนายดิเอโก โมลาโน รมว.กลาโหมของโคลอมเบีย กล่าวว่า พลเมืองโคลอมเบียที่ถูกจับกุมทั้งหมด "ปลดประจำการออกจากกองทัพนานแล้ว" และพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทางการเฮติ
อนึ่ง นายโคลด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นรักษาการผู้นำประเทศโดยปริยาย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ 15 วัน ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา พร้อมทั้งกล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุ "มีความเป็นมืออาชีพ" และ "เตรียมการมาเป็นอย่างดี".

เครดิตภาพ : AP