นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมประชุมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และหน่วยงานผู้ให้บริการรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามข้อสั่งการของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ที่ได้มอบหมายให้ ขร. ประชุมหารือพิจารณาแนวทางการขยายหน่วยบริการนวัตกรรมระดับปฐมภูมิ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าของกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการดูแลสุขภาพของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการตาม “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่” ของรัฐบาล

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า การขยายหน่วยบริการนวัตกรรมระดับปฐมภูมิรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากหน่วยบริการประจำ อาทิ ร้านยา คลินิกเวชกรรม/พยาบาล/ทันตกรรม ศูนย์ให้บริการสุขภาพ เป็นการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มความเข้มแข็งของระบบบริการปฐมภูมิ และอำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้ารับบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน รวมถึงการลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ทั้งนี้ เมื่อมีการขยายหน่วยบริการนวัตกรรมระดับปฐมภูมิ ในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าของรถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีม่วง

รวมทั้งพื้นที่สัมปทานของเอกชนผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ รถไฟฟ้าสายสีทอง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ตลอดจนรถไฟฟ้าสายสีชมพู จะก่อให้เกิดความคุ้มค่าจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนผู้ใช้บริการ พร้อมขับเคลื่อนการส่งเสริมการใช้บริการขนส่งมวลชนทางรางเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่” ผู้มีสิทธิหรือผู้มีบัตรทองนอกจากจะสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิของตนเอง หรือหน่วยบริการในระดับปฐมภูมิได้ทุกแห่งแล้ว ยังสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่หน่วยบริการเอกชนในจังหวัดที่เข้าร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะมีสิทธิบัตรทองอยู่ที่จังหวัดใด ก็สามารถใช้สิทธิได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แค่เพียงมีบัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น โดยปัจจุบันได้ดำเนินการในระยะที่ 3 แล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 67 ขยายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 45 จังหวัด และจะให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในปี 67 โดยพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของระบบที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะจัดกิจกรรมประกาศความพร้อม (Kick off) ในวันที่ 24 ก.ค. 67.