เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดตรวจพยานหลักฐานของคู่กรณีในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​ โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี  นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560  มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยการนัดตรวจพยาน จะมีตัวแทนของพรรคก้าวไกล และ กกต.มาร่วม ก่อนที่ศาลจะนัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปในวันพุธที่ 17 ก.ค. เวลา 09.30 น 

ทั้งนี้การตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ (9 ก.ค.)​ กกต.ส่งตัวแทนมาตรวจพยานหลักฐาน​ในช่วงเช้า เนื่องจากศาลได้นัดให้มาคนละเวลา เพราะไม่อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน โดยศาลได้นัดตัวแทนของพรรคก้าวไกลในช่วงบ่าย สำหรับบรรยากาศที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล จำนวนหนึ่งถือป้ายข้อความมารอให้กำลังใจพรรคก้าวไกลตั้งแต่เช้า ปรากฏว่า นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมทีมกฎหมายของพรรค มาถึงในเวลา 13.00 น. 

นายชัยธวัช กล่าวสั้นๆ ว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญ​ได้นัดให้ตรวจพยานหลักฐาน​ที่เกี่ยวข้องในคดีที่ กกต. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องให้มีการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ยื่นพยานบุคคลทั้งหมด 10 ปาก และในวันนี้ จะมายื่นบันทึกถ้อยคำเพิ่มอีก 1 ปากคือ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์​ทางด้านกฎหมายมหาชน และที่ปรึกษาของ กกต. มั่นใจในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เราต่อสู้ ยืนยันว่าไม่หนักใจ  แต่หลังจากยื่นพยานหลักฐานในวันนี้แล้ว คาดหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดการไต่สวนตามพยานหลักฐานพรรคก้าวไกลที่ได้เสนอไป.