การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 ประจำวันอังคารที่ 9 ก.ค. รอบรองชนะเลิศ เป็นการเจอกันระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน แชมป์ 3 สมัย เจอกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัย หวดกันที่สนามฟุตบอล อารีนา มึนเชน ในเมืองมิวนิก เริ่มคิกออฟเวลา 02.00 น. ตามเวลาไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV36 (หมายเลข 36) ผู้ชนะจะเข้าไปชิงชนะเลิศกับผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เนเธอร์แลนด์

*กระทิงขาด3ตัวหลักพร้อมกัน
สเปน ภายใต้การนำของ หลุยส์ เดอ ลา ฟูเอนเต กุนซือทีมชาติ รอบที่แล้วต่อเวลาเอาชนะ เยอรมนี 2-1 ได้ประตูชัยจาก มิเกล เมริโน ในนาที 119 ความพร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลง 11 คนแรกแน่นอน เนื่องจาก เปดรี มิดฟิลด์จากบาร์เซโลนา บาดเจ็บหัวเข่าซ้ายจากการปะทะกับ โทนี โครส ในเกมที่แล้ว หมดสิทธิลงเล่นตลอดทัวร์นาเมนต์ ขณะที่ ดานี คาร์บาฮัล แบ๊กขวาเพิ่งโดนใบแดง และ โรบิน เลอ นอร์กมังด์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟสะสมใบเหลืองครบโควตา จึงติดโทษแบนทั้งคู่

คาดว่า นาโช จะได้เล่นแทนตำแหน่ง เลอ นอร์กมังด์ เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ อายเมริค ลาปอร์ต โดยมี เฆซุส นาบาส จอมเก๋าวัย 38 ปี หรือ อเลฮานโดร กริมัลโด ได้ทำหน้าที่แบ๊กขวาแทน คาร์บาฮัล และ มาร์ก กูกูเรยา เป็นแบ๊กซ้าย แดนกลางมี ฟาเบียน รุยซ์, โรดรี, ดานี โอลโม แทนที่ เปดรี ส่วนข้างหน้าเหมือนเดิม นิโก วิลเลียมส์, อัลบาโร โมราตา และ ลามีน ยามัล

*ไม่หวั่นขาดนักเตะไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน เดอ ลา ฟูเอนเต ยืนยันว่าแม้ขาดนักเตะไปพร้อมถึง 3 คน แต่ตนก็เชื่อมั่น ทีมมีนักเตะระดับท็อป 26 คน หากหายไปคนหนึ่งก็จะมีอีกคนได้ลงเล่น ผู้เล่นทีมชุดนี้เป็นทั้งมนุษย์และนักเตะที่พิเศษ ตนแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำให้ตนผิดหวัง ส่วนแผนการรับมือ เอมบัปเป นั้น ยอมรับว่า เอมบัปเป มีความเร็วกว่านักฟุตบอล 99% ของโลก ทีมจะไม่มีการสู้แบบตัวต่อตัว แต่จะพยายามลดโอกาสของคู่แข่งลงมา มันยังมีหนทางอื่นในการรับมือ แต่การดวลเดี่ยวหรือประกบ เอมบัปเป หรือ อุสมาน เดมเบเล เป็นเรื่องยากมาก

*ตราไก่ขุมกำลังแน่นปึ้ก
ขณะที่ ฝรั่งเศส ภายใต้การนำของกุนซือ ดิดิเยร์ เดสชองส์ รอบที่แล้วเอาชนะจุดโทษโปรตุเกส 5-3 หลังจากเสมอใน 120 นาที 0-0 โดยตั้งแต่เริ่มรอบแรกเป็นต้นมาฝรั่งเศสยังทำประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ไม่ได้เลย คู่แข่งทำเข้าประตูเอง 2 นัด และที่ยิงเองได้จากจุดโทษ ความพร้อมของ “เลอ เบลอส์” เกมนี้จะได้ อาเดรียน ราบิโอต์ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือก นอกนั้นทีมสมบูรณ์ดีมาก ไม่มีตัวเจ็บหรือแบนเพิ่ม โดยการจัดทีมแผงหลังใช้ เตโอ เอร์นันเดซ, วิลเลียม ซาลิบา, ดาโยต์ อูปาเมกาโน และ จูลส์ กุนเด ตรงกลาง เอนโกโล กองเต, ออเรลิยอง ชูอาเมนี และ อาเดรียน ราบิโอต์ ขณะที่เกมรุกใช้ อองตวน กรีซมันน์, อุสมาน เดมเบเล และ คีลิยัน เอมบัปเป

*ฝรั่งเศสสถิติในถ้วยเมเจอร์ดีกว่า
สถิติเจอกันมาทั้งหมด 36 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการอุ่นเครื่อง สเปน ดีกว่าเล็กน้อยด้วยการชนะ 16 เสมอ 7 และฝรั่งเศสชนะ 13 แต่หนล่าสุดฝรั่งเศสเฉือนชนะ 2-1 ในถ้วยยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2021 ซึ่งทั้งนี้หากนับเฉพาะการสู้กันในถ้วยเมเจอร์ รอบสุดท้าย สเปน เคยชนะฝรั่งเศสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีม ยูโร 2012 ก่อนสเปนก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ แต่นอกนั้น ฝรั่งเศส เคยน็อกสเปนตกรอบ 16 ทีมฟุตบอลโลก 2006, เคยเอาชนะสเปนในรอบก่อนรองชนะเลิศยูโร 2000 รวมถึงเอาชนะสเปนในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 1984 ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสได้แชมป์ครั้งแรก ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตาประมวลผลว่าสเปนมีโอกาสชนะมากกว่า 53.84% เหนือกว่าฝรั่งเศสที่มีโอกาสเข้ารอบ 46.16%

*สื่อดังฟันธงฝรั่งเศสสยบสเปน
“อีฟนิง สแตนดาร์ด” สื่อดังอังกฤษวิเคราะห์ว่า สเปน แม้ถูกมองว่าเหนือกว่าที่สุดในยูโร แต่ก็มีความเหนื่อยล้ามากขึ้นในแต่ละนัด ยิ่งการขาดผู้เล่นติดโทษโทษแบน อาจส่งผลกระทบในเกมนี้ แต่ในทางกลับกัน ฝรั่งเศส เล่นตั้งรับได้ดีมาก แม้เกมรุกขาดความเด็ดขาดโดยสิ้นเชิง จน เดสชองส์ ยังไม่รู้จะกลับมาทำให้การจบสกอร์ดีกว่านี้ได้อย่างไร อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสสามารถตั้งรับลึก จะทำให้สเปนหงุดหงิด และโจมตีสวนกลับได้ ซึ่งแผนการเล่นนี้น่าจะสร้างความหงุดหงิดให้สเปน ที่หลายคนอายุยังน้อยและขาดประสบการณ์ในเกมแบบนี้ ทายว่าฝรั่งเศสจะชนะจุดโทษเข้าชิงชนะเลิศ