เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกวุฒิสภา (สว.) ว่า สว.ชุดนี้ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีชุดใหม่ ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง และมีราชกิจจานุเบกษาเมื่อไร สว.ชุดนี้ก็จะพ้นจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้ยังทำหน้าที่อยู่ ทั้งประชุมวุฒิสภาและประชุมกรรมาธิการชุดต่างๆ ส่วนญัตติที่เสนอสืบเนื่องจากปัญหาการเลือก สว.ชุดนี้ ที่มาตามรัฐธรรมนูญใหม่ตามบทหลัก ซึ่งนักวิชาการก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงเกิดข้อสงสัยว่าที่ประชาชนร้องเรียน และเราก็เห็นจากข้อเท็จจริง จึงอยากจะขอศึกษาโดยใช้ระยะเวลา 30 วัน เชิญคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของวุฒิสภา ผู้เกี่ยวข้อง 4 คณะได้แก่ กมธ.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ, กมธ.การกฎหมายการยุติธรรม, กมธ.บริหารราชการแผ่นดิน และกมธ.สิทธิมนุษยชน วุฒิสภา รวมถึงนักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ. )ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาร่วมด้วย เช่น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์, นายเจษฎ์ โทณะวณิก และนายคมสัน โพธิ์คง โดยข้อสรุปที่ได้จากกรรมาธิการชุดนี้จะส่งต่อให้กับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงส่งให้ กกต.ด้วย เพื่อใช้ในการศึกษา ถอดบทเรียน  ส่วนเสียงของ สว.จะทำให้ญัตติผ่านได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แล้วแต่ที่ประชุม

เมื่อถามว่าการที่กำหนดกรอบระยะเวลาศึกษา 30 วัน คิดว่าการประกาศผลรับรอง สว. ของ กกต. จะล่าช้าใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าวันนี้มีมติจาก กกต. ก็จะมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) แต่ถ้าวันนี้ที่ประชุมวุฒิสภาไม่มีมติตั้งกรรมาธิการที่ตนเสนอก็ถือว่าการตั้งกรรมาธิการนั้นตกไป และถือว่า สว.ชุดเก่าได้อภิปรายปัญหาต่างๆ ให้ประชาชนได้ทราบแล้ว

ส่วนที่มี สว.ใหม่ทักท้วงถึงความเหมาะสมในการเปิดประชุมวุฒิสภาในเวลานี้ นายสมชาย กล่าวว่า ท่านคงไม่เข้าใจหน้าที่ ท่านอาจจะใหม่ ยังไม่เคยทำหน้าที่วุฒิสภาก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การเสนอญัตติหรือแม้กระทั่งตั้งกระทู้ถามก็ยังคงทำอยู่

“ฝากถึงท่านที่วิพากษ์วิจารณ์ ท่านอาจจะยังเป็นว่าที่ ท่านยังไม่ค่อยรู้ระเบียบ ท่านค่อยๆ ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบข้อบังคับวุฒิสภาก่อนจะมาตำหนิ สว.ชุดเก่า และสว.ชุดเก่า ไม่ได้มีความประสงค์จะไปยื้อ จะไปอยากอยู่อะไร เก็บของหมดแล้ว และพร้อมจะส่งมอบ แต่อย่าลืมว่า สว.ชุดใหม่ ต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรีนะ ท่านมาได้ด้วยการบล็อกโหวต ด้วยการฮั้วหรือไม่ ด้วยการจัดจ้างหรือเปล่า กกต. เขามีหน้าที่ตรวจสอบให้ถูกต้อง ผมเห็นหลายคนออกมาให้ตรวจสอบ เปิดหีบ แต่ถึงเวลา ท่านกลับบอกให้เร่งรับรอง ไม่ต้องกลัวไม่ได้เป็นอย่างไรก็ได้เป็น ถ้าท่านถูก ท่านสุจริต ท่านเที่ยงธรรม แต่ถ้าไม่ถูก ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม กกต. ก็ไม่รับรอง” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าบางคนอาจใช้คำค่อนข้างรุนแรง ถามถึงมารยาท นายสมชาย สวนกลับทันทีว่า “มีมารยาทอยู่แล้วครับ เพราะ สว. ชุดปัจจุบันมาถูกต้องตามกฎหมาย หลายท่านที่ออกมาพูดนั่นแหละไม่มีมารยาท เพราะท่านยังไม่ได้เป็น สว.” นายสมชายกล่าว

นายสมชาย ยังฝากถึง สว.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ว่า การได้มา บางคนอาจจะมีปัญหา ดังนั้นความน่าเชื่อถือศรัทธาของประชาชน เป็นสิ่งท้าทายมาก ซึ่งกระบวนการได้มาเมื่อเป็นการเลือกกันเองอาจจะมีการผิดฝาผิดตัวอยู่บ้าง แต่อยู่ที่ท่านจะใช้ประสบการณ์ได้ตรงตามกลุ่มที่สมัครมาหรือไม่ ซึ่งต้องรอพิสูจน์ต่อไปว่าจะทำหน้าที่ได้หรือไม่ ถ้าทำได้ สังคมก็จะเห็นว่าวุฒิสภายังมีคุณค่า แต่ถ้าทำหน้าที่ไม่ได้ ก็เกรงว่าวุฒิสภาจะถูกบั่นทอนความศรัทธาของประชาชน แต่เท่าที่ดู สว. ที่จะเข้ามาใหม่ ส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะ ยกเว้นบางคนที่ยังขาดประสบการณ์

เมื่อถามว่ามีการย้อนว่า สว.ยุคปัจจุบันก็มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายสมชาย กล่าวยอมรับว่า แน่นอน สว.ในอดีตทั้งหมดก็มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งการเลือก สว. ครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ แค่มาจากการเลือกกันเอง ซึ่งเป็นที่เดียวในโลก แต่ตนเห็นด้วยที่ สว. มาจากวิชาชีพต่างๆ แต่อาจจะไม่เห็นด้วย ในส่วนที่ไม่มีการกลั่นกรอง เลือกตรงจากกลุ่มอาชีพ 

“ถ้าจะบอกว่า สว. ชุดนี้มาจาก คสช. ก็ใช่ ไม่เห็นแปลก สว. ชุดที่จะเข้ามาใหม่อย่าเพิ่งลำพอง เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งการทำหน้าที่ของท่านจะเป็นเครื่องพิสูจน์มากกว่า บางคนก็สงบปากสงบคำก่อนดีกว่านะ พอผมออกไปแล้วค่อยใช้คำพูดของท่านให้เต็มที่ ตอนนี้ท่านยังไม่ได้เป็น เป็นแค่ว่าที่” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนได้มติส่งเรื่องที่ส่อทุจริตเลือก สว.ไปให้ กกต.แล้ว  4  เรื่อง คือ 1.การจัดเลี้ยงของ สส.ที่จังหวัดอำนาจเจริญ กับ ผู้สมัคร สว. ในวันที่มีพระราชกฤษฎีการเลือก สว.แล้ว เพราะพบว่านักการเมืองดังกล่าวมีการส่งน้องสะใภ้ลง สว.และยังมีผู้สมัคร สว. อื่นไปร่วมงานเลี้ยงด้วย จากนั้นก็เห็นการลงสมัครกันเป็นทีม 2.เป็นคลิปของอดีต สส.และอดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่ง แจกเงินที่วัดแสงจันทร์ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับพ่อของผู้สมัคร สส. ซึ่งกลุ่มนี้ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง สว.ทั้งหมด 3 คน จากนั้นมีการจ่ายเงินผู้ที่ไปลงคะแนนตามโพยหลังวันเลือก สว.ระดับประเทศ เข้าข่ายการจ้างวาน ผิดกฎหมายเลือก สว.แน่นอน  3. การไม่ลงคะแนนของผู้สมัครทั้งในระดับอำเภอและจังหวัดจำนวนมาก และคะแนนเทไปลำดับที่ 1 ที่ 2 เกือบหมด นี่เป็นผลพวงมาจากการจัดตั้งไปเลือก และ 4. มีผู้สมัครจากจ.ตรัง ไปเลือก 10 อำเภอ แล้วรวมกันไปเลือกผู้สมัครจากอำเภอห้วยยอด ทั้ง 19 กลุ่ม ซึ่งเป็นความผิดปกติ นี่ยังไม่รวมการจดโพยเข้าไปเลือก จะเห็นได้จากคนที่เลือกเป็นแพ็กเกจเดียวกันอีก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นคะแนนที่ถูกจัดตั้ง ตนจึงเสนอให้ กกต.เปิดหีบบัตรนับคะแนนใหม่ ต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการรายงานความคืบหน้าจาก กกต.เลย.