สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ว่ากระทรวงข่าวสารเมียนมาออกแถลงการณ์ ว่าพล.อ.โซ วิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรองนายกรัฐมนตรีเมียนมา เยือนเมืองชิงเต่า ในมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุม “ฟอรั่มการพัฒนาสีเขียว” จัดโดยองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ระหว่างวันที่ 8-9 ก.ค. นี้


การเยือนจีนของ พล.อ.โซ วิน เกิดขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ หลัง พล.อ.เต็ง เส่ง อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ระหว่างปี 2554-2559 ซึ่งเป็นยุคของรัฐบาลทหารกึ่งพลเรือน เยือนจีน เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมครบรอบ 70 ปี ที่กรุงปักกิ่ง ว่าด้วยหลักการ 5 ข้อของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวปฏิบัติด้านนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของจีน โดยเมื่อเดินทางไปถึง นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน ให้การต้อนรับ พล.อ.เต็ง เส่ง ด้วย


แม้เมียนมาเผชิญกับสถานการณ์ไม่สงบด้านความมั่นคงในหลายภูมิภาค นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 และพล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารคนปัจจุบันของเมียนมา ยังไม่เคยเดินทางเยือนจีนนับจากนั้น ทว่าเมียนมายังคงมีความสำคัญสำหรับจีนอย่างมาก ในฐานะหนึ่งในพื้นที่สำคัญของการขยายโครงการพัฒนา ตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง

พล.อ.โซ วิน ร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าหน้าที่ของจีน ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในเมืองชิงเต่า


อนึ่งสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของรัฐบาลทหารเมียนมารายงาน เมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการฟื้นโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำมิตโสน ที่รัฐคะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งได้รับความสนับสนุนด้านงบประมาณจากจีน มูลค่า 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 131,263.20 ล้านบาท)

โครงการก่อสร้างเขื่อนมิตโสนระงับไปเมื่อปี 2554 ในยุครัฐบาลทหารกึ่งพลเรือนของนายพลเต็ง เส่ง ซึ่งมีการให้เหตุผลเกี่ยวกับ ความวิตกกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของภูมิภาค ตลอดจนความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้น จากการที่เขื่อนมิตโสนซึ่งจะตั้งอยู่บนต้นน้ำของลุ่มน้ำอิรวดี และมีกำลังการผลิตสูงสุด 6,000 เมกะวัตต์ เมื่อแล้วเสร็จ และส่งกระแสไฟฟ้าให้กับจีนเป็นหลัก อาจส่งผลต่อเส้นทางน้ำ.

เครดิตภาพ : AFP