เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด มีมติให้ส่วนของช่อดอกกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด และเตรียมส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พิจารณาออกกฎหมายควบคุม ว่า พรรคภูมิใจไทยยืนยันตลอดว่าไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ แต่เราเชื่อว่าการนำส่วนของช่อดอกกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด มันเป็นกลับไปสู่จุดเดิมที่เราคลายตรงนั้นเพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ภายใต้การควบคุมของจำนวนสารทีเอชซี ไม่ให้เกิน 0.2เปอร์เซ็นต์ หรือการนำไปทำยารักษาโรค การรักษา หรือปลูกภายในบ้าน ทั้งนี้ เรายังมีข้อสงสัยว่า ถ้านำช่อดอกกลับไปเป็นยาเสพติด แล้วประชาชนที่ปลูกกัญชา 6 ต้น และช่อดอกขึ้นมาพอดี ต้องถูกดำเนินคดีหรือไม่ ทั้งที่เมื่อเดือน มิ.ย. 2565 เราปล่อยผู้กระทำความผิดเหล่านี้ออกจากที่คุมขังกว่า 8,000 คน โดยตนเชื่อว่ากฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง แต่จะทำอย่างไรกับคนที่ยังทำอยู่ และคนที่เพิ่งได้ใบอนุญาตวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชา เพื่อทำยาหรือทำอุตสาหกรรมต่างๆ เกิดในแปลงปลูกมีช่อดอกออกมา นี่คือสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องหาทางออก

“บอร์ดยาเสพติดที่มีมติให้นำช่อดอกกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็เป็นชุดเดียวกันกับที่เคยปลดล็อกให้ช่อดอกกัญชาไม่เป็นยาเสพติด ท่านเหล่านั้นต้องชี้แจงกับประชาชน ถ้าจะบอกว่าเกรงใจผมในสมัยนั้น มันไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย และเท่าที่ผมทราบ เขาไม่มีข้อมูลใหม่ นอกจากข้อมูลลอยๆ ที่บอกว่ามันมีความเสียหายเกิดขึ้น ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด ทำไมไม่ออกกฎหมายมาควบคุมให้ชัดเจน ให้ สส. หรือกรรมาธิการฯ ตีความ แปรญัตติ มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่าใครเป็น รมว.สาธารณสุข ใหม่ แล้วยังมีความเชื่อว่ากัญชามีประโยชน์ ก็ต้องมานั่งแก้ให้เอาออกมาจากยาเสพติดอีก มันชุลมุนชุลเกแบบนี้ไปเรื่อย ทำไม่ไม่ออกกฎหมายให้ชัดเจน มีผลบังคับใช้ได้เลย ขณะนี้ผมไม่ได้เป็น รมว.สาธารณสุข แต่ผมได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนแล้ว ส่วนตอนนี้ถือว่าเป็นนโยบายใหม่ อย่าทำให้ใครเดือดร้อนเท่านั้นเอง เราพร้อมให้ความร่วมมือ ถ้ามีเหตุมีผล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทยคงไม่ไปประท้วง แต่เรามีจุดยืนแบบนี้ อย่างที่บอกไปว่า ต้องหาข้อมูลมาใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถือว่าจบ เพราะต้องเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ส. ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเมื่อถึงตรงนั้น ก็ต้องถามว่ามีข้อมูลใหม่หรือไม่ แล้วมันจะเกิดความเสียหายอย่างไร เป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข