สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ว่า อิรักจัดการเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ทั้ง 329 ที่นั่ง โดยพรรคการเมืองซึ่งต้องการครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้ไม่น้อยกว่า 165 ที่นั่ง เพื่อความได้เปรียบในการเสนอชื่อ และการลงมติรับรองผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี
ชายชาวอิรักตรวจสอบชื่อของตัวเอง กับเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่คูหาแห่งหนึ่ง ในกรุงแบกแดด
เดิมทีการเลือกตังครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นในปี 2565 แต่รัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้งตัดสินใจจัดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้น 1 ปี สืบเนื่องจากการประท้วงของประชาชนในกรุงแบกแดด และเมืองใหญ่หลายแห่งทางตอนใต้ของอิรัก เมื่อปลายปี 2562 เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ การลุกฮือครั้งดังกล่าวของประชาชนยืดเยื้อนานหลายเดือน และมีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 600 ราย 
ข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า ชาวอิรักมากกว่า 24 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศราว 38 ล้านคน มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 3,449 คน จากหลากหลายพรรคการเมือง และกระบวนการที่เกิดขึ้นนับเป็นเพียงการลงคะแนนตามระบอบประชาธิปไตย เป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์การเมืองของอิรัก นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐบุกเข้ามาโค่นอำนาจรัฐบาลของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซ็น เมื่อปี 2546 
ด้านประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาลีห์ และนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดิมี กล่าวหลังใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้งภายในกรีนโซน ซึ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคงสูงของกรุงแบกแดด เรียกร้องชาวอิรักออกมาลงคะแนนให้มากที่สุด หลังมีรายงานการปลุกระดมต่อต้านการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า "ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" โดยเป็นเพียงการแข่งขันระหว่างสองขั้วการเมือง คือสหรัฐกับอิสราเอล ร่วมด้วยกลุ่มประเทศอ่าวบางแห่ง และอีกฝั่งหนึ่งคืออิหร่าน เพื่อช่วงชิงอิทธิพลกันในอิรัก
ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงของอิรักยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันเลือกตั้ง ขึ้นมาอยู่ที่ขั้นสูงสุด โดยมีการปิดน่านฟ้าตลอดวันลงคะแนน ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ส่งคณะผู้สังเกตการณ์ 150 คน ร่วมลงพื้นที่กับคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติด้วย.

เครดิตภาพ : AP