เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการ “โหนกระแส” โดยพิธีกร “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ทางช่อง 3 ได้เชิญครอบครัวของหญิงสาวรายหนึ่งมาออกรายการ หลังจากมีการร้องเรียนมาว่า โดนเพื่อนบ้านเปิดบทสวดมนต์ให้ฟังเสียงดังตลอด 24 ชั่วโมง นานกว่า 5 ปี บางทีก็สุมไฟเผาใบไม้ เบิ้ลรถเสียงดัง อีกทั้่งยังซื้อปืนจริงมาไว้ป้องกันตัว พยายามเจรจาก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายฝ่ายหญิงเครียดหนักจนแท้งลูก ขณะที่หนุ่มเพื่อนบ้านอ้างแต่เพียงว่า เปิดวิทยุเพื่อไล่แมว โดยมี ทนายแก้ว หรือ ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่กฎหมายสภาทนายความ มาร่วมรับฟังและพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดยฝ่าย น.ส.หนูนา เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านอยู่อาศัยมานานกว่า 28 ปี ขณะที่เพื่อนบ้านเพิ่งเข้ามาได้ 7-8 ปี ตอนแรกซื้อที่เอาไว้เลี้ยงสุนัข แต่กลับไม่ยอมดูแลให้ดี มีการเอาอาหารมาทิ้งไว้ แล้วก็หายไปเป็นสัปดาห์ จนตนสงสารต้องเข้าไปช่วยเหลือ ต่อมาฝ่ายเพื่อนบ้านจุดไฟเผาใบไม้ จนควันลอยเข้าบ้านแทบจะทำอะไรไม่ได้ ขอให้อีกฝ่ายเลิกเผา แต่กลับอ้างว่าเป็นสิทธิของเขาในพื้นที่บ้านจะทำอะไรก็ได้

พอตกกลางคืนก็กล่าวหาว่าบ้านเราจุดไฟไปแจ้งตำรวจ ทางเราปฏิเสธเพราะไม่มีกองไฟเผาขยะ ยอมรับว่าที่ผ่านมามีติดเตาไฟทำกับข้าวก็เป็นเรื่องปกติ ต้องมีควัน 5 นาที แต่อีกฝ่ายกลับอ้างว่าไปกระทบกระเทือนบ้านเขา ทั้งนี้ ที่บ้านเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ “การทำหัวโขน” พอมีนักเรียนมาให้สอน ฝ่ายเพื่อนบ้านก็จะมาสุมไฟจุดเผาใบไม้ทันที พอไปแจ้งอบต. ฝ่ายแม่ของเพื่อนบ้านก็มาแก้ต่างให้ลูกชายว่า เขาไม่ผิด

น.ส.หนูนา เล่าอีกฝ่าย หลังจากกลับจากอบต. อีกฝ่ายก็เปิดวิทยุเป็นเสียงสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน มีทั้งชุมนุมเทวดา บทสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตร และอื่น ๆ แต่หนักสุดคือวันที่เขาคลุ้มคลั่ง ตะโกนด่าแม่ของตน หลังจากขี่จยย.กลับจากซื้อของ มีการกระโดดเขาใส่ ถือกระเป๋าเจมส์บอน ก่อนพูดจาด่าทอหยาบคาย บางวันที่บ้านซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าตัวเก่า มันก็ดังขณะปั่นผ้า ฝ่ายเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ ไปแจ้งตำรวจให้เอาผิด ทั้งที่เสียงไม่ได้ดังอะไรมากมาย

ในส่วนเรื่องที่ตนแท้ง เกิดจากอาการเครียด เพราะต้องทนฟังเสียงสวดมนต์ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ตัวเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ฟังด้วย แต่ไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง มีการเปิดทิ้งเอาไว้ตลอด พอแจ้งตำรวจมาก็ปิด พอตำรวจไปก็เปิด เป็นแบบนี้ไม่จบสิ้น ร้องหน่วยงานสารพัดมาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่สำเร็จ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดย้ายบ้านหนี เช้า ๆ ใส่บาตร ฝ่ายเพื่อนบ้านก็เปิดประตูให้สุนัขพันธ์บางแก้วออกมาวิ่งไล่กัดพระ บางทีก็ปิดประตูกระแทกเสียงดังใส่

ด้าน ทนายแก้วแนะนำว่า เรื่องที่หนักที่สุดคือเรื่องที่เกิดอาการแท้งลูก เพราะอาการเครียดจากเสียงสวดมนต์ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องพิสูจน์ก่อนว่าแท้งเพราะเสียงบทสวดจริงหรือไหม่ กรณีนี้มีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องมาก จะต้องให้แพทย์วินิจฉัย เคยมีแนวฎีกาวางไว้ กรณีความเครียดเกิดจากสิ่งเร้าก็ดำเนินคดีฟ้องร้องเขาได้เหมือนกัน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งห้ามกระทำ ส่วนพฤติกรรมอื่น ๆ เป็นคนละเรื่องกัน อาจเข้าข่ายก่อความเดือดร้อนคำราญ ต้องแจ้งความเอาผิดลหุโทษกับเขา แต่หากเขากลั่นแกล้งเราแจ้งความเท็จ ตรงนี้มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางฝ่าย น.ส.หนูนา ก็มีส่วนผิดโดยเฉพาะการเลี้ยงแมวแบบปล่อย จนไปรบกวนเพื่อนบ้าน ซึ่งฝ่ายเขาก็มีสิทธิ์ฟ้องเราเช่นเดียวกัน ในส่วนของสุนัขพันธุ์พิตบูล ต้องล่ามโซ่ดูแลให้ดี เพราะเป็นสัตว์ดุร้ายหากไปกัดใครก็ต้องจ่ายค่าชดใช้ หากสุนัขและแมวไปขี้หน้าบ้านคนอื่นก็ถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนเหมือนกัน

จากนั้นทางรายการได้โฟนอินไปยัง นายเอ เจ้าของบ้านคู่กรณี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยนายเอ เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องเปิดบทสวดมนต์ 24 ชั่วโมงก็เพราะบ้านของ น.ส.หนูนา ปล่อยแมวมาก่อกวนที่บ้าน พอปิดบทสวดมนต์ แมวจะวิ่งเข้ามาที่บ้านทันที เข้ามาขี้เยี่ยวแล้วก็ทำลายข้าวของ วิ่งบนหลังคาจนเกิดความเสียหาย เคยทดลองปิดแล้วปรากฏว่า แมววิ่งเข้ามาให้เห็นต่อหน้าเลย ยังเก็บหลักฐานเป็นกระดิ่งคอแมวของฝ่าย น.ส.หนูนา ไว้ได้อีกด้วย

ส่วนที่ว่าเปิดบทสวดมนต์เสียงดังนั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้เปิดเสียงดัง เพราะเป็นเพียงวิทยุทรานซิสเตอร์ เปิดเพื่อให้รู้ว่ามีคนอยู่ในบ้านกันแมวเข้ามา ที่เลือกเปิดบทสวดมนต์ ไม่เลือกเปิดเพลง ก็เพราะต้องการกล่อมเกลาจิตใจไปด้วย ส่วนเรื่องเผาใบไม้ เดือนสองเดือดเผา 1 ครั้ง ละแวกบ้านนอกเผากันทุกหลัง

“…ถ้าถอยกันคนละก้าว อย่างคุณดูสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้ามา พูดคุยสุภาพ เป็นมิตร ผมพร้อมปิดให้ เพราะเมื่อเช้าทางผู้ใหญ่ก็มาไกล่เกลี่ย ผมก็ปิด ปิดปุ๊บมันก็เข้ามา ทันที…” นายเอ กล่าว.

ขอบคุณรายการ โหนกระแส ช่อง 3