นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ว่า จากการที่ ทย. ได้เข้าร่วมการประชุมจัดสรรเวลาของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ครั้งที่ 154 ณ กรุงโบโกตา สาธารณรัฐโคลอมเบีย เพื่อจัดสรรเวลาเที่ยวบินในกำหนดการบินประจำฤดูหนาว ปี 67 และ 68 เริ่มตั้งแต่ประมาณเดือน ต.ค. 67 พบว่า มีสายการบินขอทำการบิน ณ ท่าอากาศยานกระบี่ แบบเที่ยวบินประจำ 10 สายการบิน และเที่ยวบินเช่าเหมาระหว่างประเทศ 3 สายการบิน คาดว่าจะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นมากกว่า 160 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

นายสุริยะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ทย. เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น โดยให้ท่าอากาศยานกระบี่วางแผนรองรับการให้บริการเที่ยวบินและผู้ใช้บริการที่จะเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งกำชับให้จัดบุคลากรอำนวยความสะดวกในจุดต่างๆ ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้บริการ ตรวจเช็กสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานให้มีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงประชาสัมพันธ์การให้คำแนะนำวิธีการใช้ระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่องด้วยตนเอง (CUPPS) แก่ผู้โดยสาร เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดความแออัดของผู้โดยสาร และให้ ทย. นำข้อมูลข้อเสนอแนะของสายการบินที่ได้รับจากการเข้าร่วมการประชุมฯ มาปรับปรุงการดำเนินงาน และเตรียมความพร้อมในการวางแผนพัฒนาท่าอากาศยานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปิดเส้นทางระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นถือเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองของประเทศไทยอีกด้วย

ด้านนายดนัย เรืองสอน วิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา กรมทางหลวง (ทล.) รักษาการอธิบดี ทย. กล่าวว่า สายการบินที่ขอทำการบิน ณ ท่าอากาศยานกระบี่ แบบเที่ยวบินประจำ 10 สายการบิน ได้แก่ Flydubai, Scoot Tigerair, LOT Polish Airlines, TUI Fly, Jetstar Asia Airways, Thai AirAsia, AirAsia Berhad, Bangkok Airways, Shanghai Airlines และ China Eastern Airlines ส่วนเที่ยวบินเช่าเหมาระหว่างประเทศ 3 สายการบิน ได้แก่ TUI fly, LOT Polish Airlines และ Neos Airlines คาดการณ์ว่าจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศมากกว่า160 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตามยังมีสายการบินที่สอบถามข้อมูลท่าอากาศยานเพื่อนำไปทำแผนการบินอีกด้วย ได้แก่ Eastar Jet และ Spring Airlines     

นายดนัย กล่าวต่อว่า ในปี 66 ท่าอากาศยานกระบี่ มีสายการบินให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศ 5 สายการบิน รวม 3,006 เที่ยวบิน มีผู้ใช้บริการขาเข้า-ขาออก รวมกว่า 430,000 คน ซึ่ง ทย. ยืนยันความพร้อมของศักยภาพในการรองรับสายการบิน และผู้ใช้บริการจากต่างประเทศที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ด้วยอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่มีพื้นที่รวมทั้งหมด 68,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ 3,000 คน/ชั่วโมง หรือ 8,000,000 คน/ปี มีความยาวทางวิ่งขนาด 3,000 x 45 เมตร ทางขับขนานรองรับการขึ้นลงของอากาศยานได้ 25 ลำ/ชั่วโมง ลานจอดรองรับอากาศยานขนาด B737 หรือ A330 ได้ 34 ลำ และยังมีอาคารจอดรถยนต์ที่สามารถจอดรถได้ 2,000 คัน ซึ่งจะเร่งรัดให้เปิดใช้บริการภายในปี 68 รวมถึงการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานภายในท่าอากาศยาน เพื่ออำนวยความสะดวกเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ.