จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์หรูพุ่งชนรถชาวบ้านที่สัญจรไปมาบนถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร รวม 5 จุด มีรถยนต์เสียหายรวม 6 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน ส่วนรถยนต์ที่ขับชนไปเสียหลักชนฟุตปาธ บริเวณแยกตลาดวงศกร ในพื้นที่เขตสายไหม ตำรวจจึงรีบคุมตัวมาที่สถานีตำรวจนครบาลสายไหมโดยทันที เพราะกลัวถูกรุมทำร้าย นั้น

คืบหน้า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยความคืบทางคดีว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุ อ้างว่า หลังจากเลิกงานได้แวะบ้านแม่ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะออกไปบ้านพักอีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งอยู่ห่างกัน 2 กิโลเมตร โดยระหว่างที่ขับรถออกจากบ้านของแม่ได้มีอาการวูบ เนื่องจากเป็นความดัน ส่วนการตรวจสอบสารเสพติดและแอลกอฮอล์ไม่พบในร่างกาย แต่จะส่งตัวไปที่โรงพยาบาลภูมิพล เพื่อตรวจอีกครั้ง

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะมีการแจ้ง 4 ข้อหา ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย, มีผู้ได้รับอันตรายแก่กาย, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และขับรถเฉี่ยวชนแล้วหนี เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง สามารถติดต่อได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุเป็นวิศวกร บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านสามเสน กทม.

ด้านนายธรรศ อายุ 46 ปี ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเองมีอาการเครียดและนอนน้อย เนื่องจากได้นอนเพียงวันละ 3-4 ชั่วโมง จึงทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ประกอบกับมีอาการท้องเสีย จึงได้แวะเข้าห้องน้ำที่บ้านแม่ จากนั้นเมื่อขับรถออกจากบ้านแม่เพื่อกลับบ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะเดินทางออกจากบ้านแม่ที่บริเวณซอยสายไหม 86 เกิดอาการวูบ ไม่มีสติ และมารู้ตัวอีกทีคือตอนเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาเจอ ตรงจุดสุดท้ายบริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 73 ยืนยันไม่รู้ตัวว่าได้ขับรถชนผู้อื่นและรถยนต์คันอื่น ถึง 4 จุด รวมถึงได้ขับรถพุ่งชนไม้กั้นหน้าหมู่บ้านแม่อีก 1 จุด รวมเป็น 5 จุด โดยก่อนหน้านี้ ตัวเองไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรก

ส่วนการดูแลเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้นั้น นายธรรศ เปิดเผยว่า ตนยินดีที่จะดูแลและเยียวยาผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนได้เจอกับญาติผู้เสียหาย และยกมือไหว้ขอโทษตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

ด้านแฟนสาวของผู้ต้องหา เปิดใจว่า แฟนของตนมีโรคประจำตัวแค่โรคความดัน และที่ผ่านมา แฟนของตนทำงานหนักมาก ต้องคอยประสานงานกับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งมีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ถ้าลูกค้าเรียกประชุมก็ต้องประชุมด่วน จึงทำให้แฟนของตนมีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคยเตือนด้วยความเป็นห่วงแล้ว แต่แฟนของตนก็ยืนยันว่าไม่เป็นไร ยังทำงานไหว

ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า แฟนของตนจะเยียวยาชดใช้ผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ ดังนั้นขอให้ผู้เสียหายและญาติสบายใจได้เลย.