เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 67 มีการแชร์โพสต์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพลงในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “ชอบกินตูดไก่มาก อยากรู้สีเหลืองๆ คืออะไร พอกินแล้วจะอ้วก” ซึ่งผู้โพสต์ถามเรื่องการกินตูดไก่ และพบว่ามีชิ้นส่วนสีเหลืองๆ เล็กๆ จึงอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นคืออะไร?
ต่อมา อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Jessada Denduangboripant” โดยโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ก้อนสีเหลืองๆ ตรงตูดไก่นั้น เป็นอวัยวะพิเศษที่ชื่อว่า “เบอร์ซา ออฟ ฟาบริเชียส (Bursa of Fabricius)” ซึ่งเป็นอวัยวะต่อมน้ำเหลือง ที่มีกลุ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี และเข้ากินทำลายเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เพื่อให้ไก่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆได้ แต่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อการที่คนเราจะนำมาบริโภค เพียงแค่ต้องทำให้สุกสะอาดเท่านั้นเอง และก็ต้องระวังเรื่องที่ตูดไก่นั้นมีไขมันสูง จะไม่ดีต่อสุขภาพได้ก่อนหน้านี้ ก็เคยโพสต์อธิบายเรื่องทำนองนี้ไปแล้ว ตอนที่มีข่าวลือว่ากินตูดไก่บ่อยๆ จะได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ทำให้เป็นมะเร็งตับได้ ซึ่งไม่จริงนะ
อาจารย์เจษฎา ยังเผยอีกว่า “ตูดไก่ ไม่ได้มีสารก่อมะเร็งนะ” มีคำถามจากคลิปแชร์กันมาว่า มีหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี แล้วหลังจากเค้ากิน “ตูดไก่” แทบทุกวันมาเป็น 10 ปี เขาก็กลายเป็นมะเร็งตับ ซึ่งในคลิปอ้างว่าเพราะตูดไก่มีเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ก่อโรคเยอะ มีเซลล์เนื้องอกที่ก่อมะเร็งได้ จึงห้ามกินตูดไก่ คำตอบคือ “ไม่จริงนะ” ตูดไก่ไม่ได้มีสารก่อมะเร็ง แต่กินน้อยๆ หน่อยก็ดี เพราะมันไขมันสูงคนหลายคน โดยเฉพาะคนเชื้อสายจีน ชอบกินตรงตูดไก่ เช่น เอามาปิ้งกินเล่น แต่ก็มีข่าวลืออยู่เรื่อยว่าตูดไก่นั้นก่อมะเร็งได้ เพราะมีเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือแม้แต่ฮอร์โมนสะสมอยู่มาก และจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพความจริงแล้ว ไม่ได้มีงานวิจัยอะไรเลยที่ระบุว่า ตูดไก่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง ซึ่งเป็นไปได้ว่า มาจากการที่กังวลว่าตูดไก่นั้นเป็นช่องทางการขับถ่าย น่าจะสกปรก กินมากก็ไม่ดี ทั้งที่บริเวณตูดไก่นั้นไม่ได้จะมีสารพิษหรือสารก่อมะเร็งอะไรจริงๆ แล้ว ตรงตูดไก่นั้น มีอวัยวะพิเศษที่ชื่อว่า เบอร์ซา ออฟ ฟาบริเชียส (Bursa of Fabricius) ซึ่งเป็นอวัยวะต่อมน้ำเหลืองอยู่ใกล้กับรูทวาร อวัยวะนี้จะมีกลุ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกาย (เช่น บีเซลล์ และ แม็คโครฟาจ) ทำหน้าที่สร้างแอนติบอดีและเข้ากินทำลายเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เพื่อให้ไก่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้
นอกจากนี้ บางคนกังวลว่า เวลาบีเซลล์กำจัดเชื้อโรคที่ตรงตูดไก่ จะทำให้เกิดสารพิษอะไรสะสมอยู่ตรงนั้นตามมาหรือเปล่า แต่ความจริงแล้ว เซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกายจะกลืนกินเชื้อโรคเข้าไปทั้งหมด ไม่เหลือสารพิษเหลืออยู่ ส่วนปัญหาเรื่องฮอร์โมนที่สะสม โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโทรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ซึ่งละลายได้ดีในไขมัน เลยทำให้มันน่าจะมีเยอะตรงบริเวณตูดไก่ แล้วจะทำให้คนที่กินเข้าไปนั้นเกิดความไม่สมดุลย์ของปริมาณฮอร์โมนเพศในร่างกายหรือเปล่า คำตอบคือ “ไม่” ปริมาณของฮอร์โมนเอสโทรเจนที่เรากินเข้าไปจากไก่นั้นมีเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในร่างกายเรานั้น โดยส่วนใหญ่แล้วมาจากที่เซลล์ไขมันในร่างกายสร้างขึ้นเอง (และจากรังไข่ ในกรณีของผู้หญิง) ปัญหา “โรคอ้วน” มากกว่าที่มักทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายผิดปรกติ จนนำไปสู่โรคมะเร็งได้
อย่างไรก็ตาม “ตูดไก่” ก็เป็นจุดที่มีไขมันสูง ทำให้อ้วนได้ถ้ากินเยอะ และการที่คนเรามีน้ำหนักตัวมากไป ก็เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ แถมไขมันจากสัตว์ ก็มีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่สูง ส่งผลเสียต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจได้อีก แถมด้วยการ “ปิ้งย่าง” ตูดไก่ จนไหม้เกรียม ก็สามารถทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ ไม่ต่างอะไรกับเนื้อย่างหมูปิ้ง จึงไม่ควรจะกินมากอีกเช่นกันอีกด้วย..
ขอบคุณข้อมูล : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง By อาจารย์เจษฎ์ และ พวกเราคือผู้บริโภค