การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 ที่เยอรมนี เป็นเจ้าภาพ ประจำวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. เป็นรอบก่อนรองชนะเลิศหรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีด้วยกัน 2 คู่ บิ๊กแมตช์น่าดูทั้งสองเกม คู่แรกเวลา 23.00 น. เป็นการเจอกันระหว่างแชมป์ 3 สมัย “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เจ้าถิ่นจะดวลกับ “กระทิงดุ” สเปน ที่สนามสตุตการ์ต อารีนา จากนั้นเวลา 02.00 น. “ฝอยทอง” โปรตุเกส จะเจอกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ที่สนามโฟล์คปาร์คสตาดิโอน ในเมืองฮัมบวร์ก ถ่ายทอดสดทาง PPTV36 (หมายเลข 36) ทั้งสองนัด

โจนาธาน ทาห์

*อินทรีเหล็กกองหลังพ้นโทษ
เยอรมนี ภายใต้การนำของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ รอบที่แล้วเอาชนะ เดนมาร์ก 2-0 มีขุมกำลังให้เลือกใช้งานพร้อมสรรพ โจนาธาน ทาห์ เซ็นเตอร์แบ๊กจาก เลเวอร์คูเซน พ้นโทษแบนกลับมาประจำการแนวรับยืนคู่กับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ได้ตามปกติ นอกนั้นไม่มีใครบาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาเลย แต่ นาเกลส์มันน์ น่าจะคิดหนักว่าจะให้ เดวิด รวม เป็นแบ๊กซ้ายตามเดิม หรือกลับมาใช้ มักซิมิเลียน มิทเทลสตัดต์ แดนกลางยังเป็น โทนี โครส, โรเบิร์ต อันดริช, อิลกาย กุนโดกัน โดยมี จามาล มูเซียลา, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ โจมตีริมเส้น และ ไค ฮาแวร์ตซ์ รับบทกองหน้าตามเดิม

นิโก วิลเลียมส์ และ ลามิน ยามาล

*กระทิงดุยึดชุดเดิมลุยแหลก
หลุยส์ เดอ ลา ฟูเอนเต กุนซือทีมชาติสเปน มีผลงานไฉไลที่สุดแล้วในทัวร์นาเมนต์ เมื่อเก็บชัยชนะได้ทุกนัดตั้งแต่ออกสตาร์ต แถมยังโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมากจนสร้างสถิติพยายามทำประตูมากสุดในยูโรครั้งนี้ด้วยจำนวน 84 ครั้ง นัดที่แล้วแม้โดนจอร์เจียนำก่อนแต่ยังไม่ลนลานยิงแซงรวดเดียว 4 ประตู นาโช เฟอร์นานเดซ บาดเจ็บเล็กน้อยแต่น่าจะเป็นสำรองอยู่แล้ว คาดว่า ฟูเอนเต จะไม่เปลี่ยนทีม ยึดชุดเดิมต่อเนื่องไปเลย แผงหลังซ้ายไปขวามี มาร์ก คูคูเรญา, อายเมริค ลาปอร์ต, โรบิน เลอ นอร์กมังด์, ดานี คาร์บาฮัล ขึ้นมาแดนกลาง ฟาเบียน รุยซ์, โรดรี, เปดรี ขณะที่แนวรุก นิโก วิลเลียมส์, ลามีน ยามัล และ อัลบาโร โมราตา

*สเปนมีโอกาสชนะมากกว่า
คู่นี้เจอกันมาทั้งหมด 26 ครั้ง สูสีเหลือประมาณ เยอรมนี ชนะ 9 เสมอ 9 สเปน ชนะ 8 อย่างไรก็ตามใน 4 ครั้งหลังสุด สเปน ไม่พ่ายแพ้เลย (ชนะ 1 เสมอ 3) หนึ่งในนั้นเป็นเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่สเปน ชนะ 6-0 เมื่อปี 2020

ทั้งสองทีมเคยเจอกันหลายครั้งในรอบสุดท้าย รายการเมเจอร์ หนล่าสุด สเปน ชนะ 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010, ชนะสกอร์เดียวกันในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2008 รวมถึงถล่มเยอรมนี 6-0 ในถ้วยเนชั่นส์ ลีก ปี 2020 โดยหนสุดท้ายที่เยอรมนีชนะในเกมเป็นทางการ (ไม่นับเกมอุ่นเครื่อง) ต้องย้อนไปถึงยูโร 1988 หรือนาน 36 ปีมาแล้ว ขณะที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตา ประมวลผลจากสถิติข้อมูลระบุว่า สเปน มีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย 51.99% เหนือกว่าเยอรมนี เจ้าภาพที่มีโอกาสเข้ารอบต่อไป 48.01%

โรนัลโด

*ฝอยทองเปลี่ยนแนวหลัง
คู่ต่อมาเวลา 02.00 น. โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปนของโปรตุเกส เพิ่งพาทีมหวดมา 120 นาที ก่อนชนะจุดโทษสโลวีเนีย 3-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้ไม่มีผู้เล่นเจ็บหรือแบน แต่อาจต้องคิดหนักก่อนเจอกับฝรั่งเศสว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมบ้างหรือไม่ เปเป กองหลังอายุ 41 ปี ค่อนข้างช้าอาจรับมือ คีลิยัน เอมบัปเป ได้ลำบาก จึงอาจเป็นโอกาสของ กอนซาโล อินาซิโอ ที่หนุ่มแน่นกว่าลงมาคู่กับ รูเบน ดิอาส โดยมี เจา คันเซโล และ นูโน เมนเดส เป็นฟูลแบ๊ก ส่วนแดนกลาง วิตินญา คู่กับ ชูเอา ปาลินญา อยู่หลัง บรูโน แฟร์นันด์ส, ราฟาเอล เลเอา, แบร์นาร์โด ซิลวา และ คริสเตียโน โรนัลโด ที่จะเล่นยูโรเป็นครั้งสุดท้ายแม้อายุ 39 ปี และนัดก่อนก็ลงเต็มเวลา แต่คาดว่า มาร์ติเนซ จะให้เป็นศูนย์หน้าตามเดิม

เอมบัปเป

*เดสชองส์คิดหนักไร้ราบิโอต์
ฝรั่งเศส ภายใต้การนำของกุนซือ ดิดิเยร์ เดสชองส์ เข้ารอบมาด้วยการชนะเบลเยียม 1-0 นัดนี้จำเป็นต้องปรับทัพแน่นอนอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งเนื่องจาก อาเดรียน ราบิโอต์ ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควตา ซึ่งยังไม่แน่ว่าเดสชองส์จะให้โอกาส เอดูอาร์โด คามาวิงกา ได้ลงมาประสานงานกับ ออเรลิยอง ชูอาเมนี และเอนโกโล กองเต มิดฟิลด์แปดปอดที่วิ่งไม่มีหมดในแผนการเล่น 4-3-3 หรืออีกทางเลือกคือกลับไปใช้ 4-2-3-1 ที่ให้ ชูอาเมนี และ กองเต เป็นคู่กลางอยู่หลัง มาร์คัส ตูราม, อองตวน กรีซมันน์, อุสมาน เดมเบเล และ คีลิยัน เอมบัปเป แต่สื่อคาดว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า โดย เอมบัปเป จะได้เผชิญหน้า โรนัลโด ที่เป็นไอดอลของตน โดยก่อนหน้านี้เคยมีภาพตอนเด็กของ เอมบัปเป ที่มีโปสเตอร์ โรนัลโด ติดอยู่เต็มห้องนอน และเคยมีรูปคู่กันตอนที่ เอมบัปเป ไปทดสอบฝีเท้ากับ รีล มาดริด ตอนอายุ 15 ปี

*สถิติน้ำหอมดีกว่าแต่ช่วงหลังสูสี
สถิติเจอกันมาทั้งหมด 28 ครั้ง ฝรั่งเศส ชนะ 19 เสมอ 3 โปรตุเกส ชนะ 6 โดยฝรั่งเศสชนะ 100% ทั้ง 10 เกมที่เจอกันระหว่างปี 1978-2015 แต่ 4 ครั้งหลังสุดสูสี โปรตุเกส ชนะ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 จากนั้นเจอกันในเนชั่นส์ลีก เสมอกัน 0-0 ตามด้วยฝรั่งเศสชนะ 1-0 และหนล่าสุดเสมอกัน 2-2 ในยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม คู่นี้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ยกให้ฝรั่งเศสมีโอกาสเข้ารอบมากกว่าที่ 53.87% ขณะที่โปรตุเกสโอกาสเข้ารอบ 46.13%