เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายในช่วงหารือ ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ถึงการทำข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล หารือดันวาระ 3 ข้อ ว่า นายพิธา ไม่ต้องกังวลใน 3 เรื่อง ที่ต้องการให้รัฐบาลร่วมผลักดัน ความจริงนอกจากรัฐบาล การทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ของ สส. ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการร่วมผลักดันการแก้ไขปัญหาของประเทศ ข้อ 1 การทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แม้ไม่มี (MOU) ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันผลักดัน ถือเป็นระเบียบปฏิบัติประจำอยู่แล้ว วันนี้ถ้าจะบอกว่ารัฐสภาไม่โปร่งใส สส. ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน และหากจะยกย่องว่ารัฐสภาโปร่งใส ก็ควรให้เครดิตกับ สส. ทุกคนด้วยเช่นกัน 2.ความคืบหน้าการนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความยุติธรรม นิติรัฐ นิติธรรม แก้วิกฤติทางการเมือง คนไทยเห็นต่างไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องลี้ภัย เรื่องนี้สภาก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ประกอบด้วยทุกพรรคขึ้นมาทำงาน และมีความคืบหน้าโดยลำดับ

3.การแก้ไขกฎหมายเพื่อปฏิรูปกองทัพ สภาก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม และคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการดำเนินกิจการด้านพลังงานของกองทัพ ที่ตนเป็นประธาน มีการผลักดันวาระสำคัญๆในหลายประการ และหลายเรื่องรัฐบาลก็เป็นผู้รับผิดชอบหลักและมีทิศทางความคืบหน้าของการทำงานที่ดี

“ประเทศไทย ต้องเดินไปข้างหน้า ทุกปัญหารอไม่ได้ นายพิธา ไม่ต้องกังวล ประเทศเดินได้ด้วยการร่วมกันทำงานแสวงหาทางออก ให้กับประเทศชาติและประชาชน ประเทศไม่ได้เดินหน้าด้วยการจมอยู่แต่กับ (MOU) เมื่อครั้งอดีต” นายอนุสรณ์ กล่าว