จากกรณีมีการแฉข้อมูลอ้างว่า ประธานมูลนิธิดัง มีพฤติกรรมแอบอ้างขายวุฒิการศึกษาปริญญาตรี และเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม น.ส.วิไลลักษณ์ หรือ ซ้อลักษณ์ พร้อมปุ๊กกี้ อดีตสมาชิกมูลนิธิดังกล่าว และผู้เล่นแชร์กินดอก ของประธานมูลนิธิ นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ นายชาญชัย ฉายบุ ทนายที่ปรึกษา โดยซ้อลักษณ์ ได้มีการจุดธูปไหว้สาบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าสิ่งที่ตนพูดและนำมาเปิดเผยในวันนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด หากไม่ใช่เรื่องจริงขอให้มีอันเป็นไป กรณีประธานมูลนิธิชื่อ ได้เสนอซื้อขายใบปริญญาให้กับตน เพื่อใช้ต่อยอดและได้มาเพื่อตำแหน่งทางการเมือง ที่บริเวณด้านหน้ามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม

ซ้อลักษณ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะมาร่วมเปิดมูลนิธิ กับประธานมูลนิธิคนนี้ ตนได้ขอความช่วยเหลือประธานมูลนิธิ กรณีของอดีตสามีที่มีความขัดแย้งกัน จึงทำให้ได้รู้จักกัน กระทั่งวันหนึ่ง ประธานมูลนิธิ ได้ส่งภาพบัตรเจ้าหน้าที่ในรัฐสภา พร้อมบอกว่า น่าสนใจนะ ตำแหน่งใหญ่ แต่สามารถได้มาในราคาถูกมาก แต่ด้วยการศึกษาปัจจุบันของตน มีเพียงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงต้องมีวุฒิปริญญา จึงจะสามารถทำบัตรเจ้าหน้าที่รัฐได้ ซึ่งตอนแรกตนก็ได้ปฏิเสธไปแล้วว่ามันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ทางประธานมูลนิธิ ก็พยายามพูดหว่านล้อมบอกว่า รู้จักกับผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยที่จะออกวุฒิปริญญาให้ได้ รวมถึงรู้จักกับคนในรัฐสภา ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถเคลียร์ได้ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

“ดิฉันยอมรับว่า ตอนนั้นก็หลงเชื่อและหลงผิดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงได้ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อวุฒิปริญญาตรี แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้วุฒิดังกล่าว และยืนยันว่าไม่ได้ต้องการตั้งนานแล้ว ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษกับสังคมที่ตอนนั้นคิดจะซื้อวุฒิการศึกษาปลอมมาใช้ ส่วนยอดเงินที่ทยอยโอนไปเพื่อซื้อวุฒิการศึกษานั้น เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ครั้งแรก 50,000 บาท ครั้งที่สอง 50,000 บาท ครั้งที่สาม 99,500 บาท และมีค่าธรรมเนียมการโอนอีก 1,500 บาท โดยเงินทั้งหมดโอนเข้าบัญชีคนชื่อ “เกษียณ” โดยต้นอ้อ ได้อ้างว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย” ซ้อลักษณ์ กล่าว

ซ้อลักษณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ตนก็ยังไม่ได้วุฒิการศึกษา กระทั่งวันหนึ่งมีผู้หญิงที่ชื่อ “พิมพ์ลดา” อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยโทรฯ มาหาตน พร้อมแจ้งว่าจะได้วุฒิการศึกษาในช่วงระยะเวลาใด พร้อมบอกว่า ตอนนี้ทุกอย่างเข้าระบบหมดแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนของการอนุมัติ เพราะว่าอยู่ในช่วงของการโดนควบคุมและเปลี่ยนอธิการบดีคนใหม่ ส่วนเจ้าของบัญชีที่ชื่อเกษียณ ตนเพิ่งมาทราบภายหลังจากพิมพ์ลดาว่า เป็นทีมงานในมูลนิธิ ตนขอยืนยันว่า ไม่รู้จักคนชื่อนี้ ขณะที่ยังทำงานอยู่ในมูลนิธิ จนมาสืบทราบเองว่านายเกษียณ เป็นเพื่อนกับประธานมูลนิธิคนดังมาก่อน สมัยศึกษาอยู่คณะรัฐศาสตร์ด้วยกัน

ด้านปุ๊กกี้ อดีตสมาชิกมูลนิธิ ที่ร่วมเขียงบ่าเคียงไหล่กับประธานมูลนิธิคนดังมาตลอด กล่าวทั้งน้ำตาว่าตนรู้สึกแค้นใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะทำกับเพื่อนได้ โดยการพยายามกล่าวหาและยัดเยียดเธอให้เป็นพวกเดียวกับกลุ่มเชื่อมจิต และทนายธรรมราช พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่มูลนิธินี้ทำ เป็นขบวนการชุบตัว เพื่อหาชื่อเสียงและผลประโยชน์

ส่วนในเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมาย ทนายหนุ่ย หรือ นายชาญชัย ฉายบุ ทนายที่ปรึกษา บอกว่า ในเรื่องการซื้อขายวุฒิปริญญาของคุณลักษณ์ เบื้องต้น บุคคล 3 คนที่เกี่ยวข้อง คือ ประธานมูลนิธิ เจ้าของบัญชี ชื่อ เกษียณ และหญิงที่อ้างรู้ตัวว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย มีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ส่วนคุณลักษณ์ จะมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารด้วยหรือไม่นั้น ในส่วนของความผิดปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ในกรณีนี้คุณลักษณ์ ยังไม่ได้วุฒิการศึกษา จึงถือว่ากระบวนการยังไม่จบสิ้น หากจะเกิดความผิดขึ้น คุณลักษณ์จะต้องนำวุฒิการศึกษาไปใช้ก่อน