เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 4 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธาน ทั้งนี้มีวาระการพิจารณากระทู้ถามสด นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ถามถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรื่อง กรณีที่มีมติ ครม. เมื่อ 18 มิ.ย. 67 เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และเรื่องอื่นๆ ซึ่งสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย แก้ไขกฎหมายอาคารชุด ให้ต่างด้าวถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยขยายเวลาการถือครองสิทธิ หรือ เช่า แบบทรัพย์อิงสิทธิเป็นเวลา 99 ปี ซึ่งไม่ใช่สั่งการให้ศึกษาแสดงว่าเป็นการตั้งธงไว้อยู่แล้ว อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อต้องการช่วยบางอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ขายได้หรือไม่ อีกทั้งกรณีดังกล่าวนายเศรษฐา ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ครม. เพื่อเลี่ยงข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ที่ได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ถามสดแทน ชี้แจงตอนหนึ่งว่า เป็นการสั่งการให้ศึกษาผลได้ ผลเสีย ผลกระทบ ซึ่งประเด็นทรัพย์อิงสิทธินั้น คือการเช่า ส่วนที่ให้เช่า 99 ปีนั้น ไม่ใช่การเช่าเกาะฮ่องกง ทั้งนี้ ตนมองว่ากฎหมายเหล่านี้ตายตัวไม่ได้ ต้องปรับปรุงและแก้ไขได้ตามภาวะเศรษฐกิจ ที่บางครั้งต้องการเงินจากต่างชาติ ให้ต่างชาติมาลงทุน ทั้งนี้ยืนยันว่าการปรับปรุงกฎหมายต้องศึกษาผลดี ผลเสียให้รอบด้าน ซึ่งตนคุยกับกรมที่ดินว่าต้องทำให้ชัดเจนในเหตุผล ข้อดีอย่างไรถึงให้เพิ่มเป็นร้อยละ 75 ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและศึกษาการครองครองประเภทไหน แบบไหนมากกว่า ทั้งนี้ นายกฯ สั่งให้เร่งดำเนินการ ทั้งนี้ ตนเข้าใจเรื่องความเป็นห่วงที่ต่างชาติจะครอบครองสิทธิ ร้อยละ 75 แต่ที่ผ่านมาเคยมีมาแล้ว แต่ครอบครองได้ 5 ปี แต่ขณะนี้ยกเลิกแล้ว

“เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 67 ผมก็ไม่อยู่ เพราะลาไปพิธีฮัจญ์ ส่วนมติ ครม. ที่เกิดขึ้น จะอยู่หรือไม่อยู่ หากมีปัญหาโดนเหมือนกัน เป็นมติ ครม.​ จะลาหรือไม่ ก็โอเคแล้ว แต่ที่นายกฯ มอบหมายให้นายภูมิธรรมดำเนินการนั้นผมไม่ทราบ ทั้งนี้ คงไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะออกหรือเสนอโดยใคร ย่อมหนีไม่พ้น แต่วันนั้นนายกฯ คงติดภารกิจ และวันนั้นผมก็ไม่อยู่” รมช.มหาดไทย กล่าว

นายชาดา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี สั่งให้แก้ไขแต่ต้องศึกษาผลดี ผลเสีย อีกทั้งต้องส่งให้สภา พิจารณาลงมติ ทั้งนี้การศึกษาไม่ใช่ยกที่ดินให้ใคร หากเป็นเช่นนั้นตนไม่ยอม และไม่มีใครสั่งตนได้ ทั้งนี้ มีการเสนอแก้ไขกฎหมายที่ดินส่วนของนิติบุคคล ตามที่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย เสนอ ซึ่งตนให้ศึกษาทั้งหมด

“ผลการศึกษาต้องดูว่าสมควรทำหรือไม่ หากเป็นผลเสียจำนวนมาก นายกฯ คงไม่ฝืน แต่ตอนนี้เป็นคำสั่งให้แก้กฎหมาย เพื่อศึกษาวิเคราะห์ เรื่องนี้ต้องชี้แจงประชาชน นายกรัมนตรีมาบริหารบ้านเมือง แผ่นดินเป็นของคนไทย จะทำอะไรต้องถามประชาชน แต่คนที่เป็นบริหารต้องมีไอเดีย แนวคิดเพื่อให้เศรษฐกิจนำพาประเทศไปในทางที่ถูกที่ควร ดังนั้นไม่ต้องห่วง และต้องแยก มีวิธีคิดระหว่างเศรษฐกิจ ความมั่นคงชาติ และผลประโยชน์ของแผ่นดิน” นายชาดา กล่าว

ทั้งนี้ นายศุภณัฐ ได้ตั้งคำถามในข้อสังเกตของการเปิดให้ต่างชาติถือครองทรัพย์สิน ในรูปแบบ “ทรัพย์อิงสิทธิ” ว่า เท่ากับผู้เช่าเป็นเจ้าของที่ดินและสามารถนำไปลงทุนใดๆ ก็ได้ รวมถึงโอนถ่ายเป็นมรดกได้ ซึ่งกรณีดังกล่าว อาจมีผลกระทบต่อกรณีที่คนไทยที่ต้องการมีบ้านหรือถือครองสิทธิที่ดิน อย่างไรก็ดี เรื่องที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมจะอนุมัติ เพราะก่อนหน้านี้เคยโพสต์ให้ความเห็นทางสนับสนุน อีกทั้งก่อนหน้านี้มีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เข้าพบ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อระบายอสังหาริมทรัพย์ที่เฟ้ออยู่ในปัจจุบัน.