นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยในงานปาฐกถา ปลดล็อกศักยภาพการเติบโตของเมืองรอง ที่จัดโดยธนาคารโลกว่า กระทรวงการคลังต้องการปลุกศักยภาพเมืองรอง โดยให้ความสำคัญกับนโยบายลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ โดยขณะนี้ได้จัดทำดัชนีวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ หรือชื่อย่อว่า ซีฟี ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ด้านเศรษฐกิจ จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ความจำเป็นพื้นฐาน ข้อมูลดาวเทียมและภูมิสารสนเทศ และข้อมูลปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ

“ฐานข้อมูลดังกล่าวจะประกอบด้วยเครื่องชี้ 88 ตัว ครอบคลุม 6 มิติ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข การศึกษา เสถียรภาพเศรษฐกิจ ความท้าทายทางทรัพยากรมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม โดยสามารถวิเคราะห์ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในเชิงพื้นที่ได้ถึง ระดับอำเภอและตำบล ซึ่งจะส่งผลดี ต่อการทำให้รัฐบาลสามารถจัดลำดับความเร่งด่วนของปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ได้ และวางแผนจัดทำนโยบายการคลังเข้าไปพัฒนา หรือดูแลช่วยเหลือได้ตรงเป้า มีประสิทธิภาพ”

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการจัดดัชนีซีฟี สะท้อนว่าเมืองหลักมีความพร้อมของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจสูงกว่าเมืองรองอย่างชัดเจน เช่น ค่า ซีฟีเฉลี่ยเมืองหลักอยู่ที่ 0.081 ในขณะที่เมืองรองเฉลี่ยอยู่ที่ ลบ 0.046 ซึ่งโมเดลนี้จะมีตัวเลขในทุกอำเภอ ทุกตำบล ทำให้ใช้ในการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของเมืองรองเพื่อทำมามาตรการในการพัฒนาพื้นที่ รวมถึงส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ซึ่งเป็นต้นแบบโมเดลของกระทรวงการคลังในการลดความเหลื่อมล้ำแบบตรงจุด ตรงพื้นที่ ตรงความต้องการ

ส่วนประเด็นเรื่องการเบิกจ่ายของภาครัฐ ในปีงบ 67 นั้น แม้จะออกมาล่าช้า แต่ยังไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยการเบิกจ่ายภาครัฐยังเป็นไปตามกรอบเป้าหมาย รวมทั้งการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจด้วย ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบารัฐวิสาหกิจ (สคร.) กำลังผลักดันโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (พีพีพี) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งปัจจุบันต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้นกว่า 40%