ซึ่งถือเป็นศึกชิงดำระหว่างค่ายสีแดงกับค่ายสีน้ำเงิน โดย พรรคเพื่อไทย ส่ง “ชาญ พวงเพ็ชร์” ลงทวงบัลลังก์อีกครั้ง งานนี้ “ตระกูลชินวัตร ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า” ยกขบวนกันไปปลุกคะแนนเสียงของพี่น้องเสื้อแดงในพื้นที่ พร้อมผนึกกำลังกับ 8 บ้านใหญ่ใน จ.ปทุมธานี ให้ร่วมกวาดคะแนนเสียงส่งเข้าวิน

ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นอดีตน้องรักของ “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” เคยได้สโลแกนว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” แต่กลับโดนหักเหลี่ยมในการเลือกตั้ง สส. เมื่อปี 2566 ทำให้ “บิ๊กแจ๊ส” หันไปพึ่งพาบารมีค่ายสีน้ำเงินอย่าง พรรคภูมิใจไทย ให้เป็นผู้สนับสนุนหลัก

หลังจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการแข่งขัน โดย “ลุงชาญ” เป็นผู้ชนะได้คะแนน 203,032 คะแนน เฉือน “บิ๊กแจ๊ส” ที่ได้ 201,212 คะแนน ทำให้ “เพื่อไทย” สุดแฮปปี้ ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรค มาร่วมแสดงความยินดีได้ไม่ทันไร กลับต้องมาเจอวิบากกรรมจาก 2 คดีเก่าที่ยังติดตัว “ลุงชาญ”

ทั้ง คดีทุจริตในการจัดซื้อถุงยังชีพเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยในปี 2554 สมัยที่ “ชาญ” เป็น นายก อบจ.ปทุมธานี ซึ่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มี มติชี้มูลเมื่อปี 2555 ว่ามีความผิด และส่งฟ้อง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ปัจจุบันคดียังอยู่ในชั้นศาลฯ และมีการ นัดไต่สวนสืบคดีช่วงกลางเดือน ก.ค. นี้ ทำให้เจ้าตัวถูกไล่ล่าว่า แม้ได้กลับมาเป็นนายก อบจ. ครั้งใหม่ แต่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอศาลฯ พิพากษาหรือไม่

แถมยังมี คดีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบการตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในราคาที่สูงเกินกว่าจริง เมื่อช่วงปี 2555-2556 ยุคที่ “ชาญ” เป็น นายก อบจ.ปทุมธานี เช่นกัน ซึ่ง สตง. ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. รับไปสอบสวนต่อ แต่ขณะนี้ ป.ป.ช. ยังไม่สรุปผลการไต่สวนหรือชี้มูลใดๆ

อย่างไรก็ตาม หากเรามองกรองสถานการณ์ก็เห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทย ระดมสรรพกำลังจากหลากหลายทาง ระดมโกยคะแนนเสียงให้ “ลุงชาญ” ชนะในสนามนี้ แต่กลับได้คะแนนทิ้งห่างคู่แข่งไม่ถึง 2,000 คะแนน

แม้ชัยชนะครั้งนี้จะเป็นความยิ่งใหญ่สำหรับ “อดีตนายกฯ ทักษิณ” ที่ได้ทำให้ใครๆ รู้ว่าในปทุมธานีรู้ไหมใครใหญ่ และสมกับที่เคยลั่นวาจากลางเวทีงานบุญแห่งเมืองปทุมฯ ว่า “ผมกลับมาแล้ว” แต่ผลที่ตามจากคดีความของ “ลุงชาญ” ส่งแรงกระทบทำให้ พรรคเพื่อไทย ถูกตั้งคำถามอย่างมากเรื่องมาตรฐานการคัดเลือกส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า หากสุดท้าย “ชาญ พวงเพ็ชร์” ถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี ชั่วคราวจนกว่าศาลอาญาฯ มีคำพิพากษา จะเกิดผลกระทบกับการพัฒนาจังหวัดแห่งนี้มากน้อยเพียงใด

ที่สำคัญ ผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตความเป็นอยู่ของบรรดาพ่อแม่พี่น้องชาวปทุมธานี ใครจะรับผิดชอบ.