เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วย รวมถึงสำหรับผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคไต เราจึงมีวิธีการดูแลหลังการปลูกถ่ายไตมาบอกกัน
- รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
ยาที่ต้องรับประทานหลังปลูกถ่ายมีบทบาทสำคัญในการป้องกันไม่ให้ร่างกายต่อต้านไตใหม่ โดยยาเหล่านี้จะช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่ให้ทำลายไตใหม่ โดยผู้ป่วยต้องรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งในด้านเวลา ปริมาณ และวิธีการ จึงต้องพกยาติดตัวเสมอเมื่อต้องเดินทาง รวมทั้งควรจดบันทึกการรับประทานยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญ ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาเอง หรือปรับเปลี่ยนยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
- ดูแลแผลผ่าตัดให้ดี
ขึ้นชื่อว่าเป็นการปลูกถ่ายอวัยวะ แน่นอนว่าต้องมีการผ่าตัดและมีบาดแผลเกิดขึ้น ซึ่งแผลผ่าตัดหลังจากการปลูกถ่ายไตจะอยู่บริเวณหน้าท้อง ผู้ป่วยต้องดูแลแผลให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ และต้องสังเกตสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น อาการบวม แดง ปวดแสบปวดร้อน หรือมีหนองไหลออกมาจากปากแผลอยู่เสมอ หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที งดการแกะหรือขยี้แผล ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ และใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและหลวมเพื่อไม่ให้เสียดสีกับแผลด้วย
- ควบคุมอาหาร
ผู้ป่วยโรคไตจำเป็นต้องควบคุมอาหารตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการอย่างเคร่งครัด เพราะการรับประทานอาหารที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูร่างกาย และรักษาสุขภาพไตที่ได้รับการปลูกถ่ายให้เข้ากับร่างกายได้เร็วยิ่งขึ้น โดยทั่วไปควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดีในปริมาณที่เหมาะสม
- ควบคุมการบริโภคเกลือและโซเดียม
- จำกัดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง
- รับประทานผักและผลไม้สดที่ล้างสะอาดแล้ว
- ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงอาหารดิบ เช่น ซูชิ เนื้อดิบ ไข่ดิบ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด และส่งเสริมสุขภาพจิต แต่ควรเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปและปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกาย โดยเริ่มจากการเดินเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาและระยะทาง ทำกายภาพบำบัด และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บบริเวณที่ผ่าตัด
หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยจะใช้เวลา 3-6 เดือนในการฟื้นฟูร่างกาย อย่าลืมปฏิบัติตามแนวทางนี้และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพียงเท่านี้ผู้ป่วยก็จะกลับมาแข็งแรงได้โดยไวแล้ว