สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่า ศาลรัฐบาลกลางเขตแมนฮัตตัน ในนครนิวยอร์กของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ เลื่อนการประกาศบทลงโทษแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี เกี่ยวกับคดีปลอมแปลงข้อมูลทางการเงิน จากวันที่ 11 ก.ค. ไปเป็นวันที่ 18 ก.ย. นี้ “หากกระบวนการดังกล่าวยังมีความจำเป็น”


ด้านนายอัลวิน แบรกก์ อัยการเขตแมนฮัตตัน กล่าวว่า ไม่คัดค้านมติของศาลที่เลื่อนการประกาศบทลงโทษ แต่โดยส่วนตัวมองว่า “ข้อโต้แย้งของจำเลยไม่มีมูล”


ทั้งนี้ ทีมงานฝ่ายกฎหมายของอดีตผู้นำสหรัฐ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางในเขตแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก ขอให้ศาล “พิจารณาล้มล้างคำตัดสิน” และเลื่อนการประกาศบทลงโทษแก่ทรัมป์ จากเดิมคือวันที่ 11 ก.ค.


ทั้งนี้ คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลางในเขตแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก มีมติเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ทรัมป์ มีความผิดจริงตามคำฟ้องทั้ง 34 กระทง จากการปลอมแปลงข้อมูลทางการเงิน โดยอัยการกล่าวหา ว่าอดีตผู้นำสหรัฐปกปิดข้อมูลและใช้เงินด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อเจตนากระทำการผิดกฎหมาย ให้นายไมเคิล โคเฮน ทนายความในเวลานั้น นำเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.78 ล้านบาท) ไปจ่ายให้แก่ น.ส.สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงเปิดโปง ความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ระหว่างเธอกับทรัมป์


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวโดยทีมทนายความของอดีตผู้นำสหรัฐเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังคณะตุลาการศาลฎีกามีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง ว่าทรัมป์ “ยังคงมีสถานะคุ้มกัน” จากการดำเนินคดีทางอาญา หาก “ภารกิจนั้นเกี่ยวข้องกับตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐ” และเกิดขึ้นระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี


อย่างไรก็ตาม มติของศาลฎีกาเน้นย้ำว่า ทรัมป์อาจเผชิญกับการดำเนินคดี และการรับโทษทางกฎหมาย แต่หากเป็น “การกระทำส่วนบุคคล” และเกิดขึ้นนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการ อดีตผู้นำสหรัฐจะไม่ได้รับสิทธิคุ้มครอง.

เครดิตภาพ : AFP