นอกจากบรรดาตัวละครต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่สร้างความผวาให้กับคนดู เนรมิตรหนัง ฟิล์ม และ ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ ขอส่งภาพยนตร์เรื่อง แดนสาป THE CURSED LAND ที่น่าสนใจมาให้แฟนๆ ได้ดูกัน โดยหนึ่งในโลเคชั่นหลักของเรื่องคือ ‘ป่า’ ซึ่งเป็นโลเคชั่นที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าสะพรึงให้กับภาพยนตร์ โดยในภาพยนตร์เรื่องแดนสาป มีการวางให้ ‘ป่า’ เป็นสถานที่ที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเรื่องราวจะเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดน และเพื่อให้ภาพยนตร์สมจริงที่สุด ภาณุ อารี ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องได้ตัดสินใจใช้ป่า ‘บาลา’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่า ฮาลาบาลา ในจังหวัด ‘นราธิวาส’ เป็นโลเคชั่นหนึ่งในการถ่ายทำ
“เราอยากจะทำให้หนังมันมีความสมจริงสมจังที่สุด และในหนังเองได้พูดถึงเรื่องชายแดน คือบางทีเราก้าวข้ามเขตแดนไปโดยที่เราไม่รู้ตัวหรอก จริงๆ เขตแดนมันไม่ได้แบ่งกันชัดเจน มีรั้วขอบชัดเจนว่าตรงนี้เป็นประเทศไทย ตรงนี้เป็นตรงนั้นตรงนี้ ไอ้การที่เราเผลอ การที่เราไม่ทราบมาก่อนแล้วเราก็ข้ามเส้นเหล่านั้นไป ผมว่ามันน่าสนใจดี เพราะว่าเราก็ไม่รู้หรอกครับ เราก็ใช้จินตนาการกันว่า ข้ามไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ในสมัยที่มันมีโจรจีน มีคอมมิวนิสต์ มีอะไรต่อมิอะไร เราก็พยายามจะสร้างบรรยากาศให้มันรู้สึกว่ามันมีความน่าสะพรึงกลัวบางอย่างตรงนั้น ให้มันเกิดความกดดันมากยิ่งขึ้น นอกจากตัวญิน ตัวผีแล้ว ผมว่าบรรยากาศเหล่านี้มันน่าจะช่วยสร้างอารมณ์แล้วก็ความรู้สึก ความน่าสะพรึงกลัวให้กับคนดูได้มากขึ้น” นนทรีย์ นิมิบุตร พูดถึงการเดินทางไปถ่ายทำสถานที่จริง
ป่าฮาบาบาลา ได้ชื่อว่าเป็น ‘ป่าแอมะซอนแห่งอาเซียน’ เป็นพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของประเทศไทย ประกอบไปด้วยผืนป่าสองผืน คือ ‘ป่าฮาลา’ ในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส กับ ‘ป่าบาลา’ ในพื้นที่อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
“ในบทเรากำหนดให้ฉากหลักในเรื่องคือจังหวัดชายแดน ซึ่งโจทย์ของเราคือป่าเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน และเราอยากได้ความรู้สึกของบรรยากาศที่แตกต่างระหว่างชุมชนมุสลิมในกรุงเทพฯ กับในสามจังหวัด ดังนั้นจังหวัดนราธิวาส ก็เป็นโจทย์ที่เรามองว่ามันจะตอบได้ทุกอย่าง ก็เลยตัดสินใจไปตรงนั้น เพราะว่าในหนัง พื้นที่หลักที่มันอยู่ในภาคใต้ มันคือพื้นที่ในเมือง และพื้นที่ที่มันอยู่ในป่า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ลงไปสำรวจอยู่ครั้งหนึ่ง แล้วเราก็ชอบมัน ก็เลยตัดสินใจลงไป คือเราอาจจะถ่ายฉากในภาคใต้ที่ไหนก็ได้ แต่ว่าเราจะรู้สึกผิดนะ ถ้าต่อไปคนดูจะมาตั้งคำถามว่าเอ๊ะ ป่าแบบนี้มันไม่ใช่ป่าในสามจังหวัดภาคใต้เลยนี่ หรือว่า ‘พื้นที่ตรงนี้ ร้านน้ำชาอะไรแบบนี้มันอยู่แถวหนองจอกนี่นา’ ถ้าคนดูเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา มันจะกลายเป็นตราบาปที่อยู่ในใจเรา ทุกคนก็เห็นในจุดประสงค์เดียวกัน ก็เลยตัดสินใจไปถ่าย ก็ใช้เวลาถ่ายอยู่ที่นั่นไปประมาณ 3 วัน 2 คืน ก็ฝากติดตาม 11 กรกฎาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์ครับ” ภาณุ อารี พูดถึงการลงไปถ่ายทำในนราธิวาส
แฟนๆ สามารถติดตามข่าวสารรอบโลกได้แล้ววันนี้ที่ www.dailynews.co.th และทุกแพลตฟอร์มของ Dailynews