สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ว่า จำนวนครั้งของการเกิดไฟป่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า มันเป็นผลมาจากภัยแล้งครั้งประวัติศาสตร์ ที่ส่งผลกระทบต่อป่าแอมะซอนเมื่อปีที่แล้ว

ตัวเลขข้างต้นถือเป็นข่าวที่น่าลำบากใจสำหรับรัฐบาลของประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล ซึ่งพยายามยับยั้งการตัดไม้ทำลายป่าในป่าแอมะซอน โดยข้อมูลของสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล (ไอเอ็นพีอี) เผยให้เห็นว่า พื้นที่ในป่าแอมะซอน ซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่า ลดลง 42% ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-21 มิ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566

ด้านนายโรมูโล บาทิสตา โฆษกองค์กรสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” สาขาบราซิล กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ มีส่วนทำให้ป่าแอมะซอนเกิดไฟป่าบ่อยขึ้น พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ชีวนิเวศส่วนใหญ่ของบราซิล ตกอยู่ภายใต้ความเครียด เนื่องจากการขาดแคลนน้ำฝน อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง ยังทำให้พืชพรรณเหี่ยวเฉา และเสี่ยงการเกิดไฟป่ามากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม บาทิสตาตั้งข้อสังเกตว่า ไฟป่าส่วนใหญ่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเองจากสาเหตุตามธรรมชาติ เช่น ประกายไฟจากฟ้าผ่า แต่มันน่าจะมีที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผาทางการเกษตร

ทั้งนี้ ทางการบราซิลแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากฤดูไฟป่าของประเทศ อยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศแห้งที่สุด.

เครดิตภาพ : AFP