เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 4/2567 โดยทันทีที่เริ่มประชุมนายกฯ ได้สั่งการ เรื่องการปราบปรามยาเสพติดที่เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนและสำคัญของรัฐบาล โดยตนได้ประชุมติดตามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสั่งการไปหลายครั้ง เพราะการแพร่ระบาดของยาเสพติดโดยเฉพาะในวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นปัญหาที่ทำลายกำลังสำคัญของชาติ และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนและรัฐมนตรีหลายท่านได้เดินทางไปทั้งภาคเหนือและอีสานหลายจังหวัด  ได้รับฟังผลสำเร็จและจุดเด่นของบางจังหวัด จึงได้รวบรวมมาเป็นข้อสั่งการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ บูรณาการระดมความร่วมมือกับตำรวจ สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อดำเนินการ ทำการเอกซเรย์ทุกพื้นที่ ด้วยการระดมกำลังตรวจปัสสาวะกลุ่มเสี่ยงทุกคนที่อายุ 16 ปี ขึ้นไป ในทุกหมู่บ้าน แยกผู้เสพออกมารับการบำบัด และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงกลาโหม ขยายผลในการจับกุมผู้ขาย เพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ถือเป็นการตัดซัพพลายเออร์ ออกจากระบบ  

นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุข จะต้องแยกผู้เสพตามระดับความรุนแรงมาบำบัดรักษาและส่งคืนชุมชน เมื่อมีความพร้อมให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ร่วมกันจัดหาสถานที่บำบัดให้เพียงพอ และให้แน่ใจว่าจะไม่กลับไปเสพยาอีก โดยการส่งตัวคืนชุมชน ฝึกอาชีพ และหางานให้ทำเพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับการดำรงชีวิต ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน ต้องเข้ามาช่วย เพื่อไม่ให้กลับไปเป็นผู้เสพอีก ซึ่งจะช่วยตัดดีมานด์

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการป้องกันผู้เสพใหม่ ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เร่งหามาตรการที่เหมาะสมในการสอดส่องดูแลอย่าให้ลูกหลานเสพยา และขอให้ทางโรงเรียนร่วมกันในการปลูกฝังค่านิยมคุณค่าใหม่ เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และให้สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นเซ็นเตอร์ในการกำหนดเป้าหมายและ KPI พร้อมกำหนดมาตรการที่เหมาะสมให้กับจังหวัด และสนับสนุนการประสานงานและทรัพยากรที่จำเป็นต่อไป ขณะเดียวกันให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ต้องทำงานคู่กันอย่างใกล้ชิด

“ขอให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยกันสนับสนุนการกวาดล้างยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัด ยกตัวอย่างเช่น ให้มีการปฏิญาณตนหน้าเสาธงทุกเช้า เพราะไม่ว่าเราจะพัฒนาเรื่องต่าง ๆ ดีแค่ไหน แต่ถ้าคนของเรา ลูกหลานเราติดยา ประเทศก็คงเดินหน้าได้ยาก” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ จากที่ตนเดินทางไปหลายที่โดยเฉพาะภาคอีสาน พบว่าเรามีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านการผลิตเนื้อโคในหลายระดับราคา แต่ยังขาดการสม่ำเสมอและการตลาด จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ามาช่วยดูแลการพัฒนาสายพันธุ์ มาตรฐานการผลิต รวมถึงโรงเชือดและขอให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศช่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องราคา และเจรจาเปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ

นายกฯ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากในหลายพื้นที่ภาคอีสาน ล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ตยังประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนชีวิตทรัพย์สินประชาชนอย่างมาก จึงขอเน้นย้ำให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทาน พิจารณาดำเนินโครงการตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพปัญหาความเร่งด่วนและสถานการณ์ในพื้นที่ประกอบ และให้กรมบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการร่วมกับกรมชลประทาน ในการจัดเตรียมแผนและการรับมือแนวทางการจากผลกระทบที่จะเกิดจากน้ำท่วมน้ำแรง เพื่อให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด

นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องสุดท้าย การเร่งรัดและผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้นโยบายเร่งรัดและผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับการบริการให้ประชาชน และการบริหารงานราชการที่ทันสมัยขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นหน่วยงานหลัก กำหนดแนวทางพัฒนาและผลักดันการปฏิบัติพร้อมตัวชี้วัด เพื่อให้หน่วยราชการที่ต้องบริการประชาชน มุ่งพัฒนาการบริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกสบายรวดเร็ว เช่น การบริการของหน่วยบริการสาธารณสุข การขอจดทะเบียนใบอนุญาตต่างๆ ให้สะดวกและรวดเร็วขึ้น รวมถึงผลักดันอบรมทักษะดิจิทัลระบบราชการ เจ้าหน้าที่ทุกระดับใช้ดิจิทัลอย่างค่อนข้างดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรัฐมนตรีลาการประชุม ครม.สัญจร 2 คนคือ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม.