เมื่อวันที่ 2 ก.ค.พ.ต.อ.เดชา ศรีชัย ผกก.สภ.บรรพตพิสัย พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิชัย ทองงามขำ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์  วัฒนสุข สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในสังกัด ร่วมกันจับกุมตัวนายประสิทธิ์ ปานเย็น อายุ 47 ปี ชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฐานว่า มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริษัทขนส่งสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บางตาหงาย อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ก่อนจะควบคุมตัวไปตรวจค้นภายในบ้านเช่าเลขที่ 346/2 หมู่ 6 ต.ท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย

 และจากการตรวจค้น ปรากฏว่าพบ เหล็กรูปแบบต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตเป็นอาวุธปืน และมีเหล็กลำกล้องปืน เครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ 131 นัด รวมถึงสว่านแท่น พร้อมอุปกรณ์ตัดเหล็ก ระเบิด C4 น้ำหนักประมาณครึ่งปอนด์ จำนวน 1 แท่ง พร้อมชุดจุดระเบิดมาตฐาน M5 (กบกระโดด) และส่วนเพิ่มดินขับ จำนวน 2 แท่ง ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดไว้เป็นกองกลางในคดีทั้งหมด

สำหรับการจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบทราบว่า ในพื้นที่ อ.บรรพตพิสัย มีแหล่งรับจ้างผลิตอาวุธปืนส่งขายให้กับคนในพื้นที่ และผ่านทางการสั่งซื้อก่อนจะมีการจัดส่งพัสดุไปยังที่หมาย จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า ผู้ที่ลักลอบผลิตอาวุธปืนเถื่อนขายนั้น คือ นายประสิทธิ์ ซึ่งใช้บ้านเช่าในพื้นที่ ต.ท่างิ้ว ในการผลิตอาวุธปืน จึงได้ทำการวางแผนล่อซื้อก่อนจะจับกุม จากนั้นจึงควบคุมตัวพาขยายผลไปตรวจสอบยังบ้านพัก จนสามารถยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก

 จากการสอบปากคำนายประสิทธิ์ ให้การว่า เรียนจบวิศวะ ระดับปริญญาตรี สาขาช่างกล จนมีความรู้ความสามารถในการผลิตและประกอบอาวุธปืน โดยเริ่มแรก ได้รับจ้างซ่อมอาวุธปืนให้กับชาวไร่ชาวนาทั่วไปก่อนจะมีการรับจ้างผลิตอาวุธปืนขนาด .38 บรรจุได้ 4 นัด ส่งขายให้กับผู้ที่สั่งซื้อผ่านทางเพจออนไลน์ ในราคากระบอกละ 3-4 พันบาท มาเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้า ที่ส่งปืนมาให้ซ่อมมากกว่ารับจ้างให้ผลิตปืนทั้งกระบอก ส่วนการที่มีระเบิด C4 ไว้ในความครอบครองนั้น เนื่องจากมีคนใน จ.สระแก้วมาเสนอขายให้ ตนจึงรับซื้อมาเก็บไว้ เพื่อขายทำกำไรต่อให้กับกลุ่มชาวกระเหรี่ยง และชาวพม่า อีกทอด

 แต่อย่างไรก็ตาม ในคำให้การของนายประสิทธิ์ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อมากนัก จึงยังต้องมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป.