จากกรณีที่เพจดังได้โพสต์ข้อความเศร้าสลด RIP คุณพ่อน้อง สู่สุคติ น่าเศร้ามาก เด็กนักเรียนชายถูกผู้ปกครองเพื่อนที่โรงเรียนต่อยหน้าและข่มขู่ แจ้งความตำรวจก็ไม่ทำอะไร จนเด็กไปเล่าให้พ่อฟัง พูดคุยเพื่อหาทางออกกันที่บ้าน สุดท้าย! พ่อตัดพ้อว่าตัวเองจน เจ็บใจที่ดูแลลูกไม่ได้ จนคิดสั้นผูกคอตาย เมื่อเช้านี้! เหตุเกิดที่ ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ครอบครัวนี้มีกัน 3 คน พ่อ พี่ชาย และตัวน้อง ส่วนแม่ เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว พ่อน้องประกอบอาชีพทั่วไป พี่ชายทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก่อนเกิดเหตุ ตามประสาเด็กผู้ชาย ช่วงเย็นน้องก็ไปเล่นบอลตามปกติ แล้วเกิดมีปากเสียงกับเพื่อนที่เล่นด้วยกัน แต่พ่อของเพื่อนน้อง มาเห็นว่ากำลังทะเลาะจึงเข้ามาหาน้อง พ่อเด็กคนนั้นก็ต่อยเข้าเบ้าตาน้อง จนเขียวปูด

หลังจากนั้น น้องมาเล่าให้พ่อฟัง รุ่งเช้าน้องก็เข้าไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่า เป็นเรื่องทะเลาะวิวาท อยากจะให้เข้ามาไกล่เกลี่ยกัน ให้จ่ายคนละ 1,000 บาท หลังจากพี่ชายทราบข่าว จึงกลับมาจากต่างจังหวัด ทั้ง 3 คน พ่อ พี่ชาย และตัวน้อง ก็นั่งคุยปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะทำอย่างไร เพราะน้องก็ไม่มีเงิน 1,000 บาท จะไปจ่ายเขาที่สถานีตำรวจ ช่วงที่คุยกัน พ่อได้พูดว่า “เราคนจน จะไปสู้อะไรกับเค้าได้ เงินไม่มี ถ้าเรามีเงินก็สู้เค้าได้ มีทางเดียวที่จะมีเงิน คือเงินฌาปนกิจของพ่อ”

พี่ชายได้ฟังจึงเอ่ยปากห้ามพ่อ บอกว่ามีอีกหลายวิธี ให้พ่อเลิกคิดอย่าทำแบบนั้น หลังจากนั้นต่างคนก็ได้แยกย้ายกันไปนอน ช่วงตี 4 หัวรุ่ง น้องตื่นมา เพื่อจะไปหาปลามาขายที่ตลาด แต่ต้องตกใจ เพราะเห็นพ่อผูกคอตัวเองกับขื่อกลางบ้าน น้องทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งสักพัก จึงไปเรียกญาติให้มาช่วยส่งโรงพยาบาล แต่ก็สายไปแล้ว วันจัดงานศพ แม้แต่โลงก็ยังไม่มี ญาติก็ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อน้อง โลงทางวัดก็จัดการให้ ส่วนคนที่ทำน้อง ตอนนี้หลังจากที่เป็นข่าว มีคนไปหาที่บ้านก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ วัดบางบอน ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายสาคร หอมหวล อายุ 63 ปี ผู้เสียชีวิต จากการใช้เชือกไนลอนผูกคอติดกับขื่อบ้าน สาเหตุมาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ และความเครียดที่ลูกชายคนเล็กถูกรังแก แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ โดยได้พบกับ นายเสกสรร หอมหวล อายุ 28 ปี ลูกชายคนโตของ นายสาคร ผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายสาคร ผู้เป็นพ่อมีอาการป่วยอยู่แล้ว กระทั่งมารู้เรื่องว่า ลูกชายคนเล็ก อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้ถูกผู้ปกครองของเพื่อน อายุ 15 ปี เรียนอยู่ปี 1 วิทยาลัยการอาชีพชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา

นายเสกสรร เล่าต่อว่า หลังเกิดเรื่อง พ่อเกิดอาการเครียดในเรื่องที่ลูกชายคนเล็กไปโดนเขาชกต่อยมาแล้ว คดีไม่คืบหน้า พ่อเครียด ถามทุกวันว่า มีสตางค์ไปช่วยน้องขึ้นศาลไหม จึงตอบกลับไปว่าไม่มี ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ทำงานหาเงินให้ทุกวัน จะให้เอาเงินไปขึ้นศาล ตนก็ไม่คิดว่าพ่อจะมาทำแบบนี้

“ครั้งแรกผมพาน้องไปแจ้งความ แต่ตำรวจบอกว่า ต้องให้พ่อซึ่งเป็นผู้ปกครองอันชอบธรรม พาน้องมาแจ้งความ หลังจากพ่อมาแจ้งความแล้ว พ่อล้มป่วยไม่สบาย ถ้าวันนั้นให้ผมพาน้องไปแจ้งความ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะผมไม่อยากบอกพ่อให้รู้เรื่อง พ่อเครียดกลัวไม่มีเงินไปสู้คดี ถึงมีเงินไปสู้คดี เราก็แพ้ เพราะเราไม่มีอะไรไปสู้กับเขา เงินติดตัวกินข้าวยังไม่มีกันเลย” นายเสกสรร บอกเล่า

นายเสกสรร เล่าอีกว่า ทางคู่กรณีเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะอย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของเด็ก 2 คน แล้วพ่อของฝั่งโน้นมายุ่ง เขาเมาด้วย แล้วมาต่อยน้องผม เหมือนมาเคลียร์ให้ลูกชายเขา ที่จริงก็เรียนคนละชั้น คนละโรงเรียน ส่วนเรื่องเงิน 1,000 บาท ผมก็ไม่เข้าใจ แต่พ่อบอกผมมาว่า ร้อยเวรปรับคนละ 1,000 บาท พ่อพูดกับผมทุกวัน เป็นอาทิตย์แล้ว พ่อก็รู้ดีว่าผมไม่มี แต่พ่อมีเงินกองทุนฌาปนกิจหมู่บ้านอยู่ ถ้าตายจะได้เงินจากสมาชิกฯ น่าจะประมาณ 8 หมื่นบาท ผมคิดว่า พ่อน่าจะตั้งใจให้เอาเงินตัวนี้มาช่วยในการขึ้นศาล แต่พ่อเองไม่น่าทำแบบนี้เลย ถึงกับต้องผูกคอตาย ก่อนตายพ่อได้เขียนจดหมายลาตาย สั่งเสียเอาไว้ให้ผมดูแลน้องๆ ด้วย.