การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 ที่เยอรมนี เป็นเจ้าภาพ ประจำวันอังคารที่ 2 ก.ค. เป็น 2 คู่สุดท้ายของรอบ 16 ทีม หาผู้ชนะไปเจอกันเองในรอบก่อนรองชนะเลิศ เริ่มเตะเกมแรกเวลา 23.00 น. หวดกันที่สนามฟุตบอล อารีนา มึนเชน เป็นการเจอกันระหว่าง “ผีดิบ” โรมาเนีย ทีมอันดับ 46 โลก ที่เข้ารอบมาอย่างเซอร์ไพร้ส์ พบกับ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ทีมอันดับ 7 โลก จากนั้นเวลา 02.00 น. ที่สนามไลป์ซิก สเตเดี้ยม “เดอะ บอยส์” ออสเตรีย อันดับ 25 โลก เจอกับ “ไก่งวง” ตุรกี อันดับ 42 โลก ถ่ายทอดสดทาง PPTV36 (หมายเลข 36) ทั้งสองคู่

โรมาเนีย

*ผีดิบเน้นๆหวดเนเธอร์แลนด์
โรมาเนีย เข้ารอบน็อกเอาต์มาด้วยผลงานดีเกินคาดในฐานะแชมป์กลุ่ม E จากผลงานชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 นัดนี้เจองานหนักต่อเนื่องปะทะกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถ้าคว้าชัยได้สำเร็จจะเป็นผลงานดีสุดของโรมาเนียในยูโรเท่ากับปี 2000 ที่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ความพร้อมของทีม เอ็ดเวิร์ด ยอร์ดาเนสคู กุนซือวัย 45 ปี ขุมกำลังจะไม่มี นิคูซอร์ บันคู แบ๊กซ้ายที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบสองใบ คาดว่า เดยัน โซเรสคู หรือ วาซิเล โมกอส จะได้ทำหน้าที่แทน นอกนั้นไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม นิโคเล สแตนซิอู เป็นกัปตันทีม ยานิส ฮาจี, ฟลอริเนล โคมาน และ ราดู ดรากูซิน ลงเล่นได้ทั้งหมด

เนเธอร์แลนด์

*กังหันลมปรับใช้แทคติกเดิม
โรนัลด์ คูมัน กุนซือของ “กังหันลม” เนเธอร์แลนด์ ส่งท้ายรอบแรกแพ้ออสเตรีย 2-3 ทำให้เข้ารอบมาในฐานะหนึ่งในทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด คาดว่าจะปรับแผนจาก 4-3-3 มาใช้ 4-2-3-1 เพิ่มแดนกลางให้แน่นขึ้น แนวรับ เดนเซล ดัมฟรีส์ กลับมายืนแบ๊กขวาได้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เป็นเสาหลักแนวรับยืนคู่สตีเฟน เดอ ฟรายจ์ และ นาธาน อาเก ทำหน้าที่แบ๊กซ้าย ส่วน ซาวี ซิมมอนส์ ได้เป็นตัวจริงแทน โจอี เฟียร์มัน ประสานงานกับบรรดาตัวรุก โคดี กัคโป, เจเรมี ฟริมปง และ เมมฟิส เดอปาย เป็นกองหน้า

*อัศวินสีส้มใจชื้นสถิติข่มมาก
สถิติเจอกันมาทั้งหมด 13 ครั้ง เนเธอร์แลนด์ เหนือกว่ามาก ชนะ 9 เสมอ 3 แพ้แค่ครั้งเดียว โดยทั้ง 13 เกมนั้น โรมาเนีย ยังยิงได้แค่ 3 ประตูอีกด้วย โดยเนเธอร์แลนด์คว้าชัยเหนือโรมาเนียมาแล้ว 4 นัดติดต่อกัน นับแต่แพ้ โรมาเนีย 1-0 ในเกมยูโรรอบคัดเลือก เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ขณะที่ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตาประมวลผลให้ “อัศวินสีส้ม” มีโอกาสเข้ารอบต่อไป 68% เหนือกว่าโรมาเนียที่มีโอกาส 32%

าร์เซล ซาบิตเซอร์

*ออสเตรียฟอร์มแจ่มเจอตุรกี
ราล์ฟ รังนิค กุนซือทีมชาติออสเตรีย ที่ถูกบรรดากูรูยกให้เป็นม้ามืดที่อาจเป็นตัวสอดแทรกลุ้นแชมป์จากผลงานเด็ดสะระตี่ โชว์ฟอร์มน่าประทับใจจนพาทีมเป็นแชมป์กลุ่ม D ทั้งที่อยู่สายเดียวกับฝรั่งเศส และ เนเธอร์แลนด์ โดยมีผลงานชนะ 2 แพ้ 1 ความพร้อมของขุมกำลังก่อนเจอตุรกี จะไม่มี แพทริค วิมเมอร์ ตัวรุกด้านซ้ายจากโวล์ฟสบวร์ก ที่ติดโทษแบน รวมถึงแกร์นอต เทราเนอร์ ที่บาดเจ็บและฟิลิปป์ เอ็มเวเน ที่ป่วย คาดว่า คอนราด ไลเมอร์ หรือ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ จะลงแทน วิมเมอร์ ส่วนปีกฝั่งเป็นหน้าที่โรมาโน ชมิด และ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ที่ฟอร์มโดดเด่นมากตลอดทัวร์นาเมนต์ยังเป็นจอมทัพตรงกลาง ขณะที่ มาร์โก อาร์เนาโตวิช รับบทศูนย์หน้า

อาร์ดา กูแลร์

*ไก่งวงขาดผู้เล่นแบน2ราย
ตุรกี ภายใต้การนำ วินเชนโซ มอนเตลลา เฮดโค้ชชาวอิตาลี เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 กลุ่ม F จะมีการปรับทีมหลายตำแหน่งในการเจอกับออสเตรีย เมื่อจะไม่มีทั้ง ฮาคาน ซัลฮาโนกลู และ ซาเมต อเคย์ดิน ที่ติดโทษแบนพร้อมกัน แต่มีข่าวดีที่ อับดุลเคริม บาร์ดัคชี กองหลังอีกคนพ้นโทษแบนสวนทางพร้อมลงสนาม อาร์ดา กูแลร์ และ เคนาน ยิลดิซ สองดาวรุ่งวัย 19 ปี ทำหน้าที่ตัวรุกสองฝั่ง โดยมี บาริส อัลเปอร์ ยิลมาซ เป็นกองหน้า

*ยกออสเตรียน่าเข้ารอบมากกว่า
นี่จะเป็นครั้งแรกที่ออสเตรียเจอกับตุรกี ในรอบสุดท้ายของรายการเมเจอร์ แต่สถิติเจอกันมาทั้งหมด 17 ครั้ง ออสเตรีย ดีกว่าเล็กน้อย ชนะ 9 เสมอ 7 แพ้ 7 อย่างไรก็ตาม นับแต่เจอครั้งแรกเมื่อปี 1948 ตุรกี แม้ว่าแพ้ 7 จาก 8 เกมแรก แต่หลังจากนั้นมาตั้งแต่ปี 1989 ตุรกี ทำได้ดีกว่า ด้วยการชนะ 6 จาก 9 นัด สำหรับหนล่าสุด ออสเตรีย เพิ่งถล่มขาดลอย 6-1 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตาประมวลผลให้ออสเตรียมีโอกาสเข้ารอบต่อไป 60% เหนือกว่าตุรกีที่มีโอกาส 40%