เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยภายหลังร่วมกับ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช  พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน. ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีขโมยเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง ว่า ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ประกอบด้วย ตำรวจระดับ สว. 1 นาย และชั้นประทวน 2 นาย รวมถึงเตรียมประสานให้ บก.รน. ส่งตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิดตามมาตรา 157 กับตำรวจชั้นประทวนทั้ง 2 นายนี้เพิ่มเติม เนื่องจากตรวจสอบทุกมิติแล้วพบว่าเป็นการกระทำที่บกพร่องต่อหน้าที่ ละเว้นไม่เข้าเวรยามจนเป็นเหตุให้เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นคดีจะดำเนินการยื่นฟ้องคดีละเมิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกรณีทำให้ทรัพย์สินราชการหรือของกลางเสียหายอีกด้วย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือของตำรวจน้ำทั้ง 9 นาย ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้วทั้ง 8 เครื่อง ไม่พบความผิดปกติ คงเหลือเพียง 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องของ ผกก. เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่ ทางกองปราบฯ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ยืนยันจะตรวจสอบให้ครบทุกมิติ เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

“เราให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ยึดข้อเท็จจริงเป็นหลัก เหตุที่เจ้าหน้าที่ระดับผู้การ รองผู้การ ไม่ได้ถูกเอาผิดนั้น เพราะมองว่าความรับผิดชอบในส่วนของการดูแลเรือของกลางนั้น เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ สว. แต่ไม่ใช่ว่าตำรวจระดับผู้ใหญ่จะไม่ถูกตรวจสอบ เราตรวจสอบหมด ครอบคลุมทุกมิติ หากพบว่าผิดก็ต้องถูกดำเนินการไม่ต่างกั”” รอง ผบช.ก.ระบุ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า  สำหรับการออกหมายจับเพิ่มเติม ทาง พ.ต.อ.เอนก  เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. คาดว่าจะสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ภายในสัปดาห์นี้ ราวๆ 4-5 ราย ซึ่งผู้ที่จะถูกออกหมายจับทั้ง 2 คดี เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ยืนยันว่าในจำนวนนี้ มี “เสี่ยโจ้” รวมอยู่ด้วย ซึ่งคาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชา ขณะที่เรื่องแชตหลุดก็ได้สอบปากคำนักข่าวที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไว้บางส่วน  รวมทั้งสอบปากคำ พ.ต.อ.วรเอก เนตินิยม หรือ ผกก.เน่า ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าคนในแชตเป็นตนเองจริง แต่ขอปฏิเสธเรื่องเรียกรับผลประโยชน์เสี่ยโจ้

ในส่วน “หนุ่มเพชรบุรี” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า  เจ้าหน้าที่ได้พยายามโทรศัพท์ไปหาแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ รวมถึงส่งหนังสือเชิญตัวมาให้ปากคำแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับ จึงเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ไปหายัง อบจ.เพชรบุรี เพื่อซักถามข้อสงสัยให้กระจ่างชัด ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเรียกรับเงินผลประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

“อยากให้เจ้าตัวออกมาพูดความจริงทุกอย่างจะดีกว่า ยิ่งแฉยิ่งดี ผมจะได้ปัดกวาดบ้านตัวเองให้หมด” รอง ผบช.ก.กล่าว