เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เวลา 10.30 น. ที่สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ที่นายชาญ พวงเพ็ชร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง จะส่งผลสะท้อนไปยังการเมืองระดับชาติได้หรือไม่ ว่า อย่าพูดถึงขนาดนั้น การเลือกตั้งมีแพ้มีชนะ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยทำงานอย่างดีที่สุด และได้ปรับกระบวนการทำงาน จึงสามารถดึงศรัทธาประชาชนกลับมาได้ ขณะที่นายชาญเป็นคนเก่าแก่ ทำงานจริง ตนขอดีใจกับนายชาญ รวมถึงเห็นใจผู้แพ้ และการที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ ถือเป็นสปิริต เป็นเรื่องดี เพราะการเลือกตั้งเราต่อสู้กันทางการเมือง ตามกติกา แพ้ชนะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ผู้ชนะดีใจก็อย่าให้มากจนเกินไป แล้วตั้งใจทำงาน ผู้แพ้ก็อย่าอาฆาต ยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วช่วยกันทำงาน ใครครองใจประชาชนได้มากกว่า คนนั้นก็ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อ ๆ ไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จ.ปทุมธานี เป็นจังหวัดปริมณฑลที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งใหญ่ ได้ สส. มาเพียงคนเดียว การชนะครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณอะไรไปยังพื้นที่ปริมณฑลอื่นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าเราทำงาน เอาใจใส่ประชาชนมากขึ้น ครั้งที่แล้วเราเสียที่นั่ง สส. แต่ครั้งนี้เราได้ที่นั่งคืนในขอบเขตทั้งจังหวัด เป็นเรื่องดี แต่อย่าหลงระเริงกับชัยชนะที่ได้ ให้ใช้ความตั้งใจจริงทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์ เชื่อว่าสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ และศรัทธาที่ได้ จะยิ่งกลับคืนมา

เมื่อถามว่า นอกจากการทำงานของนายชาญแล้ว การลงพื้นที่ไปงานบวชของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีผลกับการเลือกตั้งหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณไปงานบวชคนรู้จักกันเป็นธรรมดา ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เมื่อถามย้ำว่า เป็นการสะท้อนนายทักษิณยังไม่สิ้นมนต์ขลังใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไปตอบแทนไม่ได้ แต่เรื่องนี้จริง ๆ แล้ว ทีมงานพรรคเพื่อไทยเราทำงานกันเต็มที่ นายทักษิณจะมีมนต์ขลังหรือไม่ อยู่ที่ตัวท่าน แต่จะเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยวโดยตรง

ต่อข้อถามว่าแม้ 8 บ้านใหญ่ผนึกกำลังกับบ้านชินวัตร แต่คะแนนของนายชาญทิ้งห่างไม่มาก พรรคเพื่อไทยต้องปรับปรุงอะไรอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเลือกตั้งชนะ 1 คะแนน ก็ถือว่าชนะ จะชนะ 1,000 คะแนน 10,000 หรือ 10 คะแนน ก็ไม่ได้มีความหมายอะไร และพรรคเพื่อไทยอย่าหลงระเริงกับชัยชนะ แต่เราต้องเคารพทุกเสียงของประชาชน แล้วทำงานเอาประชาชนเป็นที่ตั้งไปเรื่อยๆ คนที่ไม่รักก็กลับมารักได้ ส่วนคนที่เฉยๆ ไม่ลงคะแนน ก็มาลงคะแนนได้ ดังนั้น การทำงานของเราถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยปรับตัวได้ดีขึ้น จากการพ่ายแพ้ได้ สส.ปทุมธานี มาแค่คนเดียว แต่มาชนะในขอบเขตจังหวัด ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี

เมื่อถามถึงกรณีที่นิด้าโพลระบุว่า คะแนนความนิยมของพรรคก้าวไกลยังทิ้งห่างพรรคเพื่อไทย ทั้งที่รัฐบาลทำงานมาแล้ว 10 เดือน  นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องรับฟังโพลทั้งหลาย แต่นิด้าโพลก็บอกว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะชนะไม่ใช่หรือ แล้วตกลงใครชนะ นิด้าโพล หรือไม่นิด้าโพล ไม่ว่าที่ไหน ก็มีทั้งตรงและไม่ตรง เราก็รับฟัง เป็นความเห็นส่วนหนึ่งของคนที่มองจากภายนอกแล้วนำมาดู แต่อย่าให้ความสำคัญของโพลว่าเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตาย

“อย่างที่นิด้าโพลบอกว่าเราแพ้พรรคก้าวไกล เหมือนที่บอกว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็แพ้ ดังนั้น มันก็มีผิดกันได้ทั้งนั้น อย่าใส่ใจที่จะเอามาเป็นประเด็นสำคัญมาก เป็นเสียงสะท้อนเสียงหนึ่ง ปัญหาอยู่ที่เราสู้กับตัวเราเอง ถ้าเรารู้ว่ามีข้อบกพร่องและพยายามปรับ แก้ไขได้ แต่ถ้าไม่ปรับจะเป็นปัญหา ถ้าถือโพลเป็นสรณะ บริหารตามโพล ป่านนี้ประเทศคงล่มสลายไปหมดแล้ว มันไม่ใช่โพลอย่างเดียว มีปัจจัยหลายอย่างในการชนะหรือแพ้การเลือกตั้ง อยากให้เป็นเครื่องเตือนสติ เป็นเครื่องชี้นำว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร แต่ไม่สามารถหยั่งใจมนุษย์ได้ทั้งหมด เราใช้โพลแค่ดูว่าสถานการณ์โดยทั่วไปเป็นอย่างไร โพลไม่ได้ลงดูในรายละเอียดที่เพียงพอ เรารับไว้เป็นข้อเตือนภัย ข้อสังเกต” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนจะต้องนำมาปรับปรุงการทำงานหรือไม่นั้น แม้ไม่มีโพลเราก็ปรับปรุงอยู่แล้ว เช่น ที่ จ.ปทุมธานี ที่เราชนะ มาจากที่พ่ายแพ้ทั้งหมด เรากลับมาทำงาน ที่ผ่านมาผู้แทนอาจจะดูแลราษฎรน้อยไป ครั้งนี้เราทบทวนการทำงาน และคนของเราลงไปทำงานมากขึ้น เราปรับปรุงอยู่แล้ว และจะดียิ่งขึ้น ขอให้กำลังใจคนที่ทำงานทุกคน