ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชานนท์ ลิขิตบัณฑูร ประธานคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งว่า พบชาวบ้านรายหนึ่งได้รับความเดือดร้อนและไม่มีที่พึ่ง เนื่องจากถูกญาติพี่น้องก่อกวน ข่มขู่และไล่ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่มานานหลายปี กลัวไม่ปลอดภัย ต้องหอบเสื่อผืน หมอนใบมาอาศัยหลับนอนอยู่ที่ บขส.ร้อยเอ็ด แล้วหลายวัน หลังทราบเรื่องจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายกรวิทย์ บัวพันธ์ กรรมการอัยการภาคประชาชนฯ
สอบถามชาวบ้านทราบว่า เห็นคุณป้ารายดังกล่าวมาอาศัยหลับนอนอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วจริง จึงพากันเดินตามหา กระทั่งพบเจ้าตัวนอนอยู่ม้านั่งผู้โดยสาร สอบถามเบื้องต้นที่มานอนอยู่ที่นี่ เพราะเคยรู้จักคนแถวนี้ มีหลายคนเห็นใจ ให้น้ำ ให้อาหารกินอิ่มไปวันๆ ไม่มีรายได้ จากนั้นจึงได้เชิญคุณป้าไปยังศูนย์ประสานงาน เลขที่ 120 หมู่ 10 ต.ดงลาน อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสอบถามข้อมูลนำเข้าสู่ระบบและหาแนวทางช่วยเหลือ
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/07/kmc_20240630_192951-1280x720.png)
ต่อมา พ.ต.ท.บุญถิ่น วันภักดี อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เดินทางมาร่วมสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง เบื้องต้นทราบว่า คุณป้า อายุ 64 ปี เป็นชาว อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ก่อนหน้าอาศัยอยู่กับพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่เสียชีวิต ก็อาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าว และมีสามีทำงานขับรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด ไม่มีลูก ต่อมาสามีเสียชีวิต ต้องอยู่คนเดียว ก็อาศัยอยู่คนเดียวมาตลอด ระยะหลังเริ่มมีญาติพี่น้องมาข่มขู่ต่างๆ นานา และไล่ออกจากบ้าน บางวันก็เอาไม้มากระทุ้งผนังบ้าน บางวันเอาไฟมาลนฝาบ้าน จึงเกิดความหวาดกลัว เลยหอบเสื่อ สิ่งของเท่าที่เอามาได้ มาหลับนอนอยู่ที่ บขส. ซึ่งสาเหตุที่ญาติพี่น้องไม่พอใจ และไม่อยากให้อยู่ น่าจะมาจากเรื่องที่ดินมรดก ซึ่งยังคาราคาซังกันอยู่ อีกทั้งคุณป้าก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย จึงไม่รู้จะพึ่งใคร เคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแล้ว 2 รอบ แต่เรื่องก็ยังไม่ถึงไหน
จากนั้นอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ ได้พาคุณป้าไปฝากไว้ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งนางมุณินทร์ชร อัคนิจ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับตัวไว้ และจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งที่นอนที่ปลอดภัย เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว อาหารวันละ 3 มื้อฟรี พร้อมจะได้ทำการสอบประวัติเพื่อให้ความช่วยเหลือตามลำดับ โดยวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 จะได้ร่วมกับอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิฯ คณะกรรมการอัยการภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่หาทางไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระหว่างญาติพี่น้องเพื่อยุติปัญหาต่อไป