สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่า คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน เรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ดำเนินการแก้ไขปัญหาการฟอกเงิน และการเป็นแหล่งเงินทุนของผู้ก่อการร้าย 

ขณะนี้ ฟิลิปปินส์ยังอยู่ภายใต้รายชื่อที่ถูก “ติดตามอย่างใกล้ชิด” ในการปราบปรามการฟอกเงิน ตามกรอบเวลาที่ตกลงไว้กับเอฟเอทีเอฟ หลังตกอยู่ในรายชื่อ “บัญชีสีเทา” มาตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2564 ซึ่งอาจส่งผลให้ฟิลิปปินส์ถูกจำกัดการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน และเผชิญความเสี่ยงด้านชื่อเสียงในอนาคต

ขณะนี้ ฟิลิปปินส์พยายามหลีกเลี่ยงการกลับเข้าไปสู่ ​​“บัญชีดำ” อันนำมาซึ่งกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างประเทศที่แพง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของชาวฟิลิปปินส์จำนวนมาก

ผลจากการประชุมใหญ่ของเอฟเอทีเอฟ อาจเป็นอุปสรรคต่อแผนการของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ ที่ต้องการหลุดออกจากบัญชีสีเทา ภายในเดือน ต.ค. 2567 “การดำเนินการใน 3 กรณีจากทั้งหมด 18 กรณี ถือเป็นก้าวย่างสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการแล้วจริง ๆ” นายราจา กุมาร ประธานเอฟเอทีเอฟกล่าว แต่ฟิลิปปินส์ยังไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในการต่อต้านการฟอกเงิน และความเสี่ยงทางการเงิน ที่เกิดขึ้นจากบ่อนกาสิโน

นอกจากนั้น เอฟเอทีเอฟเรียกร้องให้ฟิลิปปินส์เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบท่าเรือและสนามบินหลักทุกแห่ง รวมไปถึงการสำแดงสกุลเงินอันเป็นเท็จ และการยึดทรัพย์ และการดำเนินคดีต่อความผิด ที่เกี่ยวข้องกับการให้การสนับสนุนทางการเงินต่ออาชญากร

อย่างไรก็ดี เอฟเอทีเอฟยกย่องการสอบสวน และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเพิ่ม ซึ่งมาจากการปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากหน่วยงานรัฐ เพื่อจัดการกับบุคคลที่ปกปิดกิจกรรมผิดกฎหมาย และเงินสกปรก ไว้ภายใต้โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อน พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการกำกับดูแลหน่วยงานที่มีความอ่อนไหว เช่น กาสิโน, ทนายความ, นักบัญชี และตัวแทนอสังหาริมทรัพย์.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES