เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการสั่งการให้รมว.มหาดไทย เร่งศึกษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยจะปรับแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินได้นาน 99 ปี และถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด 75 เปอร์เซ็นต์ ว่า เรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์” ที่ต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่ ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้เกียรติภูมิของนายกรัฐมนตรีต้องถูกครหาว่าเอื้อประโยชน์พวกพ้อง ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องระมัดระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ และการที่รัฐบาลมีนโยบายต้องการให้ต่างชาติเช่าที่ดินที่มีระยะเวลากว่า 99 ปีนั้น ระยะเวลานานขนาดนี้ไม่แตกต่างอะไรกับการขาย เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใครที่อยู่ขนาดนั้น

นายสรรเพชญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ระยะเวลากว่า 99 ปี มากเกินความจำเป็น นอกจากนี้เรื่องสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) จาก 49 เปอร์เซ็นต์ เป็น 75 เปอร์เซ็นต์นั้น มีความน่าเป็นห่วงไม่น้อย เพราะนโยบายนี้ต้องการให้ภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถขายห้องชุดในโครงการใหญ่ๆได้มากขึ้น แต่มีห้องชุดอีกไม่น้อยที่ยังต้องการขายและสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ยังสามารถให้ชาวต่างชาติซื้อได้ ขณะเดียวกันยังมีเสียงคัดค้านนโยบายดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดโรงแรมเถื่อนมากขึ้นจากการปล่อยคอนโดมิเนียมให้เช่ารายวัน ซึ่งนอกจากเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการรบกวนลูกบ้านคนอื่นๆ ยกตัวอย่างกรณีทุนจีนตู้ห่าวที่เหมาซื้อเกือบทั้งโครงการสร้างความรำคาญแก่คนไทยจนต้องย้ายบ้านหนี

นายสรรเพชญ กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลมีความกังวลว่าภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังขายไม่ออกซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการชำระหนี้ธนาคารไม่ได้ตามกำหนดซึ่งนี่เป็นผลให้รัฐบาลพยายามบีบให้แบงค์ชาติลดอัตราดอกเบี้ยใช่หรือไม่ มาตรการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดนั้นเป็นเรื่องที่สะท้อนความแหลมคมในการบริหารจัดการภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีความรู้ ความเข้าใจที่เพียงพอ ตนจึงขอเสนอว่าหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจจริง และบรรเทาความซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่ออกรัฐบาลควรหาแนวทางใหม่ๆที่มักถูกมองข้าม อย่างเรื่องการปรับเปลี่ยนค่าสวัสดิการบ้านพักข้าราชการให้เป็นทางเลือกที่สามารถเลือกเช่าซื้อหรือเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้มากขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่าการตั้งงบประมาณประจำปีเพื่อก่อสร้างบ้านพักในทุก ๆ ปี

“นอกจากนี้เมื่อครั้งพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็มีการออกมาคัดค้านนโยบายขยายเพดานต่างชาติซื้อบ้านในไทยของรัฐบาลชุดที่แล้ว และมองว่าอาจถูกครหาว่าเป็นรัฐบาลขายชาติได้ มาวันนี้พรรคเพื่อไทยกลับมุ่งมั่นที่จะทำเรื่องนี้ราวกับว่าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ในขณะนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมีอำนาจในการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินน่าจะพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนอย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า”นายสรรเพชญ กล่าว