การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 ที่เยอรมนี เป็นเจ้าภาพ ประจำวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. ยังคงอยู่ในรอบ 16 ทีม มีแข่ง 2 คู่ เกมแรกเวลา 23.00 น. หวดกันที่สนามดุสเซลดอร์ฟ อารีนา เป็นการเจอกันระหว่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส อดีตแชมป์ 2 สมัย เจอกับ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีพรมแดนติดกัน จากนั้นเวลา 02.00 น. “ฝอยทอง” โปรตุเกส อดีตแชมป์ปี 2016 พบกับ สโลวีเนีย เตะกันที่สนามแฟรงก์เฟิร์ต อารีนา ถ่ายทอดสดทาง PPTV36 (หมายเลข 36) ทั้ง 2 คู่
*ประธานเป้นำทัพฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส ภายใต้การนำของ ดิดิเยร์ เดสชองส์ ที่เคยคว้าแชมป์ยูโรมาแล้ว ตอนเป็นนักเตะเมื่อปี 2000 ผ่านเขารอบมาได้ในฐานะอันดับ 2 กลุ่ม D จากผลงานชนะ 1 เสมอ 2 ความพร้อมมีขุมกำลังให้ใช้งานครบถ้วน นัดก่อนใช้แผน 4-3-3 แต่คาดว่านัดนี้จะกลับมาใช้แผนเดิม 4-2-3-1 แบรดลีย์ บาร์โคลา กลับไปนั่งสำรองตามเดิม วิลเลียม ซาลิบา ประจำการเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ ดาโยต์ อูปาเมกาโน ส่วนแดนกลาง เอนโกโล กองเต จับคู่กับ อาเดรียน ราบิโอต์ หรือ ออเรลิยอง ชูอาเมนี อยู่หลังแนวรุก อองตวน กรีซมันน์, มาร์คัส ตูราม, อุสมาน เดมเบเล และประธานเป้-คีลิยัน เอ็มบัปเป สวมหน้ากากป้องกันยืนศูนย์หน้าตัวเป้า
*ปิศาจแดงได้ผู้เล่นพ้นโทษ
โดเมนิโก เทเดสโก เฮดโค้ชของเบลเยียม มีผลงานชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ในรอบแรก เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 กลุ่ม E เกมนี้จะได้ โดดี ลุคบาคิโอ พ้นโทษแบนกลับมาและจะออกสตาร์ตตัวจริงทันทีแทนที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ไม่มีบทบาทเท่าไรในเกมก่อน ส่วนตัวเจ็บยังเป็น อาเซล วิตเซล และ โธมัส มูนิเยร์ ไม่ฟิตสมบูรณ์ แผนการเล่น 4-2-3-1 ยูริ ตีเลมองส์ และ อมาดู โอนานา ทำหน้าที่มิดฟิลด์ห้องเครื่อง เควิน เดอ บรอยน์ กัปตันทีม ผนึกกำลัง เฌเรมี โดกู, โดดี ลุคบาคิโอ และกองหน้ายังเป็น โรเมลู ลูกากู แม้ฝืดมาตลอดก็ตาม
*ฝรั่งเศสมักได้เฮช่วงหลัง
สถิติตลอดกาลระหว่างสองประเทศนี้ห้ำหั่นในเกมลูกหนังกันมา 75 ครั้ง เบลเยียม ชนะ 30 เสมอ 19 ฝรั่งเศสชนะ 26 โดยช่วงต้นนับแต่เจอกันครั้งแรกเมื่อปี 1904 เบลเยียมชนะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าดูแค่ยุคหลังตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา ทั้งหมด 13 ครั้ง ฝรั่งเศส ดีกว่าชัดเจน ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น รวมถึงนัดที่ฝรั่งเศสชนะ 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งสุดท้ายฝรั่งเศสก้าวไปถึงแชมป์ ทั้งนี้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตา ซึ่งเป็นหน่วยงานเก็บข้อมูลสถิติต่างๆ ประมวลผลออกมาแล้วว่า ฝรั่งเศส มีโอกาสเข้ารอบต่อไป 68% เบลเยียมมีโอกาสชนะเพียง 32%
*ฝอยทองหวดทีมรองบ่อนตี2
คู่ต่อมาเวลา 02.00 น. โปรตุเกส หนึ่งในเต็งแชมป์เจอกับสโลวีเนีย โดย โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปนของโปรตุเกส แม้นัดสุดท้ายพลาดท่าโดนจอร์เจียพลิกล็อกชนะ 2-0 แต่ผลงานชนะ 2 เกมแรก ยังเหลือเฟือพอให้เป็นแชมป์กลุ่ม F นัดก่อนมาร์ติเนซ ลองใช้แผงกองหลัง 3 คน ซึ่งดูเหมือนไม่ดีเท่าไร คาดว่าเกมนี้เจอกับ สโลวีเนีย กลับมาใช้แผนเดิม 4-2-3-1 เปเป กองหลังวัย 41 ปี คืนสนามเป็นตัวจริงยืนคู่กับ รูเบน ดิอาส แดนกลาง วิตินญา คู่กับ ชูเอา ปาลินญา ขณะที่ ราฟาเอล เลเอา พ้นโทษแบนลงประจำการริมเส้นด้านซ้าย แบร์นาร์โด ซิลวา ยืนฝั่งขวา และ บรูโน แฟร์นันด์ส ยืนตรงกลาง โดยมี คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงวัย 39 ปี เป็นหน้าเป้า
*สโลวีเนียไม่แพ้มา9นัด
มาเทียช เคค กุนซือสโลวีเนีย ทีมอันดับ 57 โลก เสมอ 3 นัดรวดในรอบแรก รวมถึงเสมออังกฤษ 0-0 ทำให้ไม่แพ้ใครมา 9 เกมติดต่อกันแล้ว และเข้ารอบมาในฐานะหนึ่งในทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด เคค ใช้ชุดเดิมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ในแผน 4-4-2 แต่นัดนี้ต้องเปลี่ยนแล้วเพราะ เอริค แยนซา ติดโทษแบน คาดว่า ยูเร บัลโคเวช จะลงแทน เกมรุก เบนจามิน เซสโก กองหน้าตัวเก่งเป็นทีเด็ดยืนคู่กับ อันดราซ สปอราร์
*โปรตุเกสเพิ่งพ่ายมา
โปรตุเกสเคยสู้กับสโลวีเนียมาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ปรากฏว่า สโลวีเนีย เปิดบ้านชนะ 2-0 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมานี่เอง แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออพตา ประมวลผลว่า โปรตุเกส มีโอกาสล้างแค้นคว้าชัยได้มากถึง 76% ขณะที่สโลวีเนียมีโอกาสช็อกโลกแค่ 24%
*เปเปลั่นไม่พลาดซ้ำรอยเดิม
เปเป กองหลังวัย 41 ปีของโปรตุเกส ยืนยันว่าทีมได้บทเรียนจากการแพ้สโลวีเนียในหนล่าสุดและต้องไม่พลาดแบบเดิม ระบุว่า “เราแพ้ในเกมควรแพ้ ตอนนี้เราต้องเรียนรู้จากมัน และแน่นอนว่าอย่าพยายามอย่าทำผิดพลาดในเกมถัดไป”
ขณะเดียวกันสื่อโปรตุเกสชี้ว่า นักเตะสับสนกับแผนการเล่น 3-5-2 แต่คุ้นเคยกับ 4-3-3 มากกว่า จนทำได้ดีในเกมชนะตุรกี โดยพาดหัวของ “เอ โบลา” ตั้งข้อสงสัยว่า มาร์ติเนซ รู้หรือไม่ว่าทีมเล่นได้เป็นยังไงตอนใช้ระบบ 3-5-2 ที่ทำให้นักเตะดูเหมือนงุนงง