รถยนต์ฮอนด้า e:NS2 นี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง ค่าย “ตงฟง” หรือ Dongfeng กับฮอนด้าในประเทศจีน โดยพัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม e:N แบบ F ที่เป็นสถาปัตยกรรมสำหรับรถไฟฟ้าขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ของพวกเขา และเป็นรถที่มีราคาอยู่ในระดับ 8-9 แสนบาทในประเทศจีน โดยเป็นรถที่มีสัดส่วนแบบ เอสยูวีท้ายลาด สไตล์สปอร์ต ที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งไวยากรณ์การออกแบบร่วมสมัยของฮอนด้า อาทิการซ่อนมือจับประตูหลังไว้บริเวณกรอบหน้าต่างเพื่อให้ดูแล้วรถมีความสปอร์ตเป็นต้น

โดยมันได้รับการพัฒนาบุคลิกหน้าตาให้ดูเฉียบคม ด้วยการใช้เส้นสายที่เหลี่ยมขึ้นดูทะมัดทะแมง โดยจุดที่ทำได้สวยเตะตาก็เห็นจะเป็นไฟหน้าแบบ เดย์ไทม์ ที่เป็นแถบเรืองแสงยาวซ้ายจรดขวา แต่ด้านขอบของตัวถังนั้นจะเป็นไฟทรงตั้งรูปทรงคล้ายเขี้ยว ดูคล้ายรถจากค่ายเปอโยต์นิดๆ ส่วนไฟท้ายก็ใช้ดีไซน์ไฟทรงตั้ง ผสมกับเส้นแถบไฟทางนอนเพรียวบาง รับกับบุคลิกของไฟหน้า แม้ว่าไฟท้ายจะดูแล้วนึกถึงโตโยต้า BZ4X แต่ก็ลงตัวกับภาพรวมดี

ด้านขนาดตัวถังนั้นมีความยาวฐานล้อ 2,735 มม. ความยาวตัวถัง 4,788 มม. กว้าง 1,838 มม. และสูง 1,570 มม. เรียกว่าใหญ่กว่าฮอนด้ารุ่น HRV พอตัว ยาวกว่ารถไฟฟ้ายอดนิยมอย่าง บีวายดี แอตโต 3 (BYD Atto3) เล็กน้อย และโดยรวมๆจะเล็กกว่า ดีพอล เอส07 (Deepal S07) อยู่พอสมควร

ด้านภายในห้องโดยสารก็เรียบง่าย สะอาดตา ในสไตล์ของรถไฟฟ้าร่วมสมัย โดยศูนย์กลางของแผงหน้าปัดคือจอภาพขนาด 12.8 นิ้ว ตามสมัยนิยม ส่วนตรงหน้าของคนขับจะมีการติดตั้งจอฉายขึ้นกระจกหน้าแบบ HUD ขนาด 11.5 นิ้วเพื่อให้คนขับไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนในการอ่านข้อมูลการขับขี่

ส่วนสิ่งที่ฮอนด้า เพิ่มเติมให้แตกต่างจาก อีวี อื่นๆในคลาสเดียวกันก็คือ การเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ที่หายไปนั่นก็คือ เสียง พวกเขาได้ติดตั้งระบบ ฮอนด้า อีวี ซาวด์ (Honda EV Sound) เข้าไปเพื่อเพิ่มความเป็นสปอร์ตเร้าใจในการขับขี่ ที่สามารถเลือกแนวเสียงได้หลากหลาย

นอกจากนั้นยังมีการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ หรือ ฮอนด้า คอนเน็ค 4.0 (Honda Connect 4.0) เข้ามาใช้เพื่อยกระดับการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อาทิ การนำทางอัจริยะ การหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ การควบคุมยานพาหนะจากระยะไกล และการควบคุมด้วยเสียง เรียกว่ามีทุกสิ่งตามสมัยนิยม

ด้านขุมกำลังนั้น ฮอนด้า เน้นไปที่สเปคพื้นๆ ใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าเอาไปขิงกับชาวบ้าน โดยมอเตอร์ที่ติดตั้งมามีกำลัง 201 แรงม้า ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดกลางๆ 68.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนน้ำหนักรถนั้นพอๆกับ บีวายดี แอทโต 3 มีน้ำหนักเพียง 1,763-1,775 กิโลกรัม ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่า ไม่ได้ซื้อไว้ซิ่ง!

แม้ว่าดูเผินๆแล้ว มันก็รถไฟฟ้าทั่วไปนั่นแหละ แต่สิ่งที่ฮอนด้าดูจะเหนือชั้นกว่า เจ้าตลาดจากจีนก็คือ ความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค ด้วยการยอมมีต้นทุนที่สูงกว่าในบางจุด อาทิ มีการติดตั้งสวิทช์ความจำ ของตำแหน่งเบาะคนขับแบบ 2 ตำแหน่งเอาไว้ที่ประตู เพราะรถไฟฟ้าจีนส่วนใหญ่ ลดต้นทุนด้วยการตัดสวิทช์นี้ทิ้งไป และย้ายปุ่มความจำนี้ไปอยู่ที่หน้าจอหลักแทน ทำให้ครอบครัวที่ใช้รถร่วมกันระหว่าง สามีกับภรรยา เหมือนกับ ครอบครัวของอ้วนซ่า ต้องหงุดหงิดทุกครั้งกับการที่ต้องเสียเวลาขยับเบาะเข้าออกด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องเข้ารถในที่แคบแล้ว เบาะที่ภรรยานั่งนั้นชิดกับพวงมาลัยจนพ่อบ้านตัวใหญ่อย่างอ้วนซ่าเข้ารถไม่ได้!

เป็นที่น่ายินดีว่า แม้จะเริ่มช้า แต่ก็เริ่มนะ และถ้าสามารถทำราคาแข่งขันกับเจ้าตลาดได้ เผลอๆบ้านเราก็จะได้เจอกันก็เป็นไปได้นะขอรับ.