เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า หลังจากติดตามมติ ครม. เกี่ยวกับการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จนผ่านการพิจารณาวาระ 1 ในสภาผู้แทนราษฎรและมีการตั้ง คณะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ไปแล้ว ต่อมา กมธ. หรือ สส. บางคนออกมาแสดงความเห็นว่า รายการงบกลางตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ มาตรา 6 (5) มีเอกสารหน้าเดียว กมธ. จึงมีการแขวนไว้นั้น จากการติดตามการอภิปรายงบประมาณ 2568 และการพิจารณาในชั้น กมธ. นั้น ตนไม่แปลกใจที่มีการแสดงความเห็นไปต่าง ๆ นานา แต่ไม่ได้อ้างอิงตัวบทกฎหมายเท่าที่ควร จะบอกไปก่อนก็กลัวจะถูกว่า อวดรู้ แต่เมื่อรอดูการทำหน้าที่ของรัฐบาล สส. หรือ กมธ. จึงพบว่า ยังขาดประเด็นสาระสำคัญที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลซ่อนไว้ในงบกลาง มาตรา 6 (5) รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 152,700,000,000 บาท

นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ ตนจึงทำหนังสือพร้อมแนบสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องถึง ป.ป.ช. ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่ามีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยการซ่อนเงินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะนำมาแจกประชาชนบางกลุ่มบางพวกตามที่รัฐบาลตั้งเงื่อนไขไว้นั้น เข้าข่ายเป็นการทุจริตเชิงนโยบายโดยการยัดไส้โครงการดังกล่าวไว้ในมาตรา 6 (5) รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 152,700,000,000 บาท หรือไม่ การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายมีพฤติการณ์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 62 มาตรา 140 หรือ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มาตรา 6 มาตรา 15 หรือ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 6 มาตรา 9 มาตรา 22 หรือไม่ การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่.