สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ว่า สำนักงานกิจการไต้หวันในกรุงปักกิ่งออกแถลงการณ์ ว่า “ชาวไต้หวันส่วนใหญ่” สามารเดินทางมายังจีนได้ “โดยปราศจากความวิตกกังวล” และยืนยันว่า ระเบียบปฏิบัติใหม่ด้านกระบวนการยุติธรรมของจีน “มีผลเฉพาะกับบุคคลบางกลุ่มในไต้หวันเท่านั้น”
อนึ่ง รัฐบาลปักกิ่งไม่ปิดบังทัศนคติที่มีต่อรัฐบาลไทเป ตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน จนถึงประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ ผู้นำไต้หวันคนปัจจุบัน ที่จีนกล่าวว่า “คือหัวหน้าขบวนการแบ่งแยกดินแดน” และไล่เพิ่งกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่า “จะไม่ยอมก้มหัว” ให้กับการกดขี่ข่มเหงของรัฐบาลปักกิ่ง
Tour groups are upset after Taiwan raised its travel warning to China. @joycetsengtw speaks with @CSIS China expert Lauren Dickey on possible long-term effects of the advisory. pic.twitter.com/NNocB67jgg
— TaiwanPlus News (@taiwanplusnews) June 28, 2024
ทั้งนี้ สำนักงานกิจการแผ่นดินใหญ่ ในกรุงไทเป ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยกระดับการเตือนภัยการเดินทางเยือนจีน ฮ่องกง และมาเก๊า เป็น “สีส้ม” ซึ่งเป็นขั้นที่สองรองจากสูงสุด โดยขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยง “การเดินทางที่ไม่จำเป็น”
อย่างไรก็ตาม หากมีการเดินทางเยือนจีน รัฐบาลไทเปเตือนพลเมือง ให้หลีกเลี่ยงการสนทนาเกี่ยวกับ “ประเด็นอ่อนไหว” อย่าบันทึกภาพสถานที่สำคัญทางทหาร สนามบิน และท่าเรือ ขณะเดียวกัน ชาวไต้หวันไม่ควรถือหนังสือเกี่ยวกับการเมือง ศาสนา และประวัติศาสตร์ เมื่ออยู่ตามสถานที่สาธารณะในจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของไต้หวันเกิดขึ้นราว 1 สัปดาห์ หลังจีนประกาศ “แนวทางปฏิบัติใหม่” สำหรับหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมทุกแห่ง เพื่อลงโทษทางอาญาต่อ “บรรดาแกนนำ” ที่ยังคงเคลื่อนไหวเพื่อการแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน และการเคลื่อนไหวเพื่อปลุกระดม ให้เกิดความพยายามแบ่งแยกดินแดนทุกรูปแบบ โดยกำหนดบทลงโทษประหารชีวิตกับ “บรรดาหัวโจก” ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ส่วนผู้เข้าร่วมขบวนการ อาจเผชิญกับบทลงโทษจำคุกขั้นต่ำ 10 ปี และสูงสุดตลอดชีวิต
มาตรการดังกล่าวได้รับการบัญญัติ โดยอ้างอิงตามกฎหมายหลายมาตราของจีน รวมถึงกฎหมายต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน เมื่อปี 2548 ซึ่งระบุด้วยว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชน (พีแอลเอ) “มีความชอบธรรมตามกฎหมาย” ที่จะใช้มาตรการทางทหารต่อไต้หวัน หากอีกฝ่ายประกาศเป็นเอกราช หรือพยายามแบ่งแยกดินแดนออกจากจีน.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES