น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ผู้ให้บริการรถเมล์และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% เปิดเผยว่า จากกรณีที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ผู้ประกอบการรายเดิมเตรียมหยุดให้บริการรถโดยสารประจำทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 14 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 67 บริษัทฯ จึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาการเดินทางที่อาจเกิดขึ้นกับความไม่สะดวกในการเดินทางของผู้โดยสาร หลังจากผู้ประกอบการรายเดิมถอดถอนรถให้บริการออกไป บริษัทฯ จึงเตรียมแผนนำรถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าออกมาให้บริการทดแทน ทั้งนี้ ยืนยันว่าบริษัทฯ มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนในเส้นทางทั้งหมด เบื้องต้นได้เตรียมรถให้บริการเพิ่มอีกกว่า 389 คัน และจะทยอยเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง

น.ส.กุลพรภัสร์ กล่าวต่อว่า สำหรับเส้นทางที่ ขสมก. แจ้งหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 67 มีทั้งสิ้น 14 เส้นทาง โดยเป็นเส้นทางที่บริษัทฯ ได้รับสัมปทาน ประกอบด้วย สาย 3-36(4) ท่าน้ำภาษีเจริญ-ท่าเรือคลองเตย, สาย 4-17(88) วัดคลองสวน-ลาดหญ้า, สาย 3-37(12) ห้วยขวาง-ปากคลองตลาด, สาย 4-56(165) พุทธมณฑลสาย 2-ถนนศาลาธรรมสพน์-สำนักงานเขตบางกอกใหญ่, สาย 1-39(71) สวนสยาม-วัดธาตุทอง, สาย 3-1(2) สำโรง-ปากคลองตลาด, สาย 3-35(1) ถนนตก-ท่าเตียน, สาย 3-45(77) สาธุประดิษฐ์-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร), 

สาย 4-15(82) พระประแดง-บางลำพู, สาย 4-46(84) สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่-สามพราน, สาย 4-61(515) สถานีรถไฟฟ้าพญาไท-หมู่บ้านเอื้ออาทรศาลายา, สาย 3-3(11) อู่เมกา บางนา-มาบุญครอง, สาย 3-6(25) ท่าช้างวังหลวง-อู่สายลวด, และสาย 4-44(80ก.) วปอ.11-สวนหลวงพระราม 8 โดยในส่วนของสาย 3-36(4), สาย 4-15(82), สาย 4-46(84) และสาย 3-6(25) 

ด้านนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ บริษัทไทย สมายล์ บัส กล่าวว่า บริษัทฯ จะเดินรถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกไร้รอยต่อ และคาดว่าการเพิ่มรถเข้าไปให้บริการใน 14 เส้นทางดังกล่าว จะช่วยสร้างรายได้ให้บริษัทฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 30 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันมีรายได้จากการเดินรถ 123 เส้นทาง ที่ได้รับสัมปทาน ประมาณ 150 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ปัจจุบัน ไทย สมายล์ บัส มีรถให้บริการแล้วกว่า 2,350 คัน และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนรถต่อเนื่อง ตามความต้องการของผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้น.