สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระบัญชา ให้วาติกันติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ทั่วทั้งเมือง เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งพระทัยของพระองค์ เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โป๊ปฟรานซิสทรงสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน และทรงมีหนังสืออย่างเป็นทางการ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทรงเรียกร้องให้มีการจัดตั้งโรงงาน “อะกริวอลเทอิกส์” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์กับการเกษตร ด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์เหนือพื้นที่การเกษตรหรือทุ่งหญ้า ในซานตามาเรีย ดิ กาเลเรีย นอกอาณาเขตของรัฐวาติกัน ทางตอนเหนือของกรุงโรม
Pope Francis has announced measures to transition Vatican City to using solar energy as its main source of electricity, as outlined in his latest motu proprio titled “Fratello Sole,” or “Brother Sun.” https://t.co/qrGfRKTu84
— Catholic News Agency (@cnalive) June 26, 2024
“เราต้องเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน” โป๊ปฟราสซิสทรงพระอักษร พร้อมทรงระบุว่า โรงงานแห่งนี้จะผลิตพลังงานเพียงพอสำหรับศูนย์ส่งสัญญาณวิทยุวาติกัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ และรับประกันพลังงานที่เพียงพอของนครวาติกัน อย่างไรก็ตาม จดหมายไม่ได้ระบุว่า จะเริ่มติดตั้งโรงไฟฟ้าหรือเปิดดำเนินการเมื่อใด
สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า พระองค์สนับสนุนความพยายามของรัฐทุกแห่ง ในการเสนอแนวทางตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเมื่อปี 2565 วาติกันได้เข้าร่วมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) และความตกลงปารีส ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงจัดตั้งโครงการริเริ่มสีเขียว เมื่อปี 2551 ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาท้องพระโรง ขณะที่โป๊ปฟรานซิสทรงตำหนิการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความจริงที่ว่า คนชายขอบที่สุดในโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบเลวร้ายขั้นสุด
เมื่อปี 2566 วาติกันได้ออกเงินช่วยเหลือระดับประเทศ (เอ็นดีซี) เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้ความตกลงปารีส นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงจัดทำแผน “การเปลี่ยนแปลงเชิงนิเวศปี 2030” เพื่อจัดสนับสนุนโครงการและเทคโนโลยีที่ไม่ปล่อยคาร์บอน รวมไปถึงการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า แม้สัดส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนครรัฐวาติกันจะน้อยมากก็ตาม.
เครดิตภาพ : AFP