สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระบัญชา ให้วาติกันติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ทั่วทั้งเมือง เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งพระทัยของพระองค์ เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โป๊ปฟรานซิสทรงสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน และทรงมีหนังสืออย่างเป็นทางการ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทรงเรียกร้องให้มีการจัดตั้งโรงงาน “อะกริวอลเทอิกส์” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์กับการเกษตร ด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์เหนือพื้นที่การเกษตรหรือทุ่งหญ้า ในซานตามาเรีย ดิ กาเลเรีย นอกอาณาเขตของรัฐวาติกัน ทางตอนเหนือของกรุงโรม

“เราต้องเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน” โป๊ปฟราสซิสทรงพระอักษร พร้อมทรงระบุว่า โรงงานแห่งนี้จะผลิตพลังงานเพียงพอสำหรับศูนย์ส่งสัญญาณวิทยุวาติกัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ และรับประกันพลังงานที่เพียงพอของนครวาติกัน อย่างไรก็ตาม จดหมายไม่ได้ระบุว่า จะเริ่มติดตั้งโรงไฟฟ้าหรือเปิดดำเนินการเมื่อใด

สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า พระองค์สนับสนุนความพยายามของรัฐทุกแห่ง ในการเสนอแนวทางตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเมื่อปี 2565 วาติกันได้เข้าร่วมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) และความตกลงปารีส ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงจัดตั้งโครงการริเริ่มสีเขียว เมื่อปี 2551 ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาท้องพระโรง ขณะที่โป๊ปฟรานซิสทรงตำหนิการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความจริงที่ว่า คนชายขอบที่สุดในโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบเลวร้ายขั้นสุด

เมื่อปี 2566 วาติกันได้ออกเงินช่วยเหลือระดับประเทศ (เอ็นดีซี) เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้ความตกลงปารีส นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงจัดทำแผน “การเปลี่ยนแปลงเชิงนิเวศปี 2030” เพื่อจัดสนับสนุนโครงการและเทคโนโลยีที่ไม่ปล่อยคาร์บอน รวมไปถึงการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า แม้สัดส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนครรัฐวาติกันจะน้อยมากก็ตาม.

เครดิตภาพ : AFP