โจนาธาน เอคอตต์ หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี ต้องต่อสู้กับสารพัดโรค ทั้ง มะเร็งอัณฑะ, เนื้องอกในหน้าอก, ผ่าตัดต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งลำไส้, ม้ามแตกระหว่างผ่าตัด

แต่ด้วยพลังใจของเขา ตอนนี้กลายเป็นนักวิ่งมาราธอน พิชิตฝันวิ่งมาราธอนครบ 7 ทวีปทั่วโลก ผ่านมาทุกสภาวะทั้ง ลุยน้ำ ลุยทะเลทราย และหิมะหนาวเหน็บ

งานวิ่งมาราธอน ท่ามกลางหิมะขาวโพลน “แอนตาร์กติกา มาราธอน” โจนาธาน ถอดหูฟังที่ฟังเพลง “Live Like You Were Dying” ของทิม แมคกรอว์ ตั้งสมาธิ วิ่งเข้าเส้นชัย พิชิตฝันที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้เมื่อ 5 ปีก่อน

ย้อนเส้นทางทัวร์เฉียดนรกของ เอคอตต์ เริ่มต้น เมื่อปี 2004 ในวัย 29 ปี เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็งอัณฑะ”

นั่นแค่พายุระลอกแรก ก่อนชุดใหญ่ตามมา ปี 2007 แพทย์พบเนื้องอกในหน้าอก, ปี 2013 และ 2016 เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองด้านหลังช่องท้อง, ปี 2017 เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้

ปี 2018 เขาได้รับผ่าตัดครั้งสุดท้าย เกี่ยวข้องกับการเอาไตและม้ามออก แต่โชคไม่ดีในระหว่างการผ่าตัด ม้ามแตก ต้องให้เลือดฉุกเฉิน พร้อมกับการทำเคมีบำบัดหลังการผ่าตัด

แต่จากนั้น เอคอตต์ ก็ฟื้นจากโรคร้าย วิกฤติ 14 ปีเริ่มคลี่คลาย เป็น 14 ปีที่ โจนาธาน ได้รับการทำเคมีบำบัดหลายรอบและการผ่าตัดถึง 6 ครั้ง แน่นอนทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงถาวร รวมถึงความเสียหายของเส้นประสาทและการสูญเสียการได้ยิน

มันส่งผลกระทบหนักต่อสุขภาพจิตของเขาจนเขาเกือบคิดสั้น แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากจิตแพทย์และทำให้เขาปรับมุมมองใหม่

โจนาธาน ตัดสินใจตั้งใจเข้าสู่วงการวิ่ง เชื่อว่าจะช่วยให้เขามีสุขภาพดีขึ้น เขาฝึกวิ่งระยะไกลหลายเดือน แต่ต้องฝึกซ้อมวันเว้นวันเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอและร่างกายต้องใช้เวลาฟื้นฟูนาน นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากแผลเป็นและโรคปลายประสาทอักเสบที่เท้า และต้องวิ่งด้วยความเร็วที่ระมัดระวังมาก

อย่างไรก็ตาม เขายังเชื่อว่าร่างกายยังสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย

“ชีวิตไม่ยุติธรรมกับทุกคน สิ่งนี้เพิ่งเกิดขึ้นกับผม” เอคอตต์ กล่าว “ผมทำได้ 2 อย่าง นั่งจมกับความทุกข์ของชีวิต หรือยอมรับในชีวิตยากลำบากและท้าทาย พร้อมกับทำให้ดีที่สุด”

หลังจากนั้นแพทย์แนะนำให้เขาเริ่มเดินเพื่อฟื้นฟู และแม้จะสูญเสียงานในระหว่างการรักษา การเดินช่วยให้เขาจัดการอารมณ์และให้เป้าหมายใหม่ในการดำเนินชีวิต จนในที่สุดเสามารถเดินได้ถึงครั้งละ 3 ชั่วโมง

มาราธอนแรก เกิดขึ้นในปี 2019 หรือ 15 เดือนหลังจากผ่าตัด ใน 1 ในศึกเมเจอร์ของโลก “เบอร์ลิน มาราธอน” ที่เยอรมนี วิ่ง 42.195 กม. เวลาซับ 5 ที่ 4.58.38 ชั่วโมง

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเป้าหมาย พิชิตมาราธอน 7 ทวีป ปีถัดมาเขาวิ่ง “มาร์ราเกช มาราธอน” ที่โมร็อกโก (แอฟริกา) เวลา 4.45.48 ชั่วโมง ก่อนโลกจะหยุดหมุนเพราะโควิด

จากนั้นปี 2022 ลง “ออสติน มาราธอน” ที่เทกซัส, สหรัฐ เวลา 5.15.28 ชั่วโมง ปีเดียวกัน พิชิตทวีปอเมริกาใต้ ใน “กือราเซา มาราธอน” เวลา 5.09.16 ชั่วโมง โดยต้องวิ่งผ่านเส้นทางน้ำท่วมด้วย

ปี 2023 สู่ทวีปเอเชีย “ดูไบ มาราธอน” ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5.15.33 ชั่วโมง บนเส้นทางทะเลทราย ต่อด้วยทวีปออสเตรเลีย ใน “เพิร์ท มาราธอน” เวลา 5.01.40 ชั่วโมง และปิดท้ายทวีปที่ 7 เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา ใน แอนตาร์กติกา มาราธอน เวลา 5.38.16 ชั่วโมง

ครบถ้วน ยุโรป, แอฟริกา, อเมริกา, อเมริกาใต้, เอเชีย, ออสเตรเลีย และ แอนตาร์กติกา

มองย้อนกลับไป เขาได้รับคำเตือนจากแพทย์ว่าจะไม่สามารถทำกิจกรรมทางกายได้เหมือนเดิม แต่เขาก็เอาชนะมาได้

และหลังจากบรรลุเป้าหมาย มาราธอนทั่วโลก เขาพร้อมจะลงซ้อม เพื่อเป้าหมายใหม่ คือทำเวลาต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ในการวิ่งมาราธอน

“อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณทำอะไรได้หรือไม่ มันเป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง หาให้เจอว่าเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของคุณเป็นแบบไหน แล้วทำให้มันเกิดขึ้น” โจนาธาน เอคอตต์ กล่าว.

*** ชวิศ รวมเมฆ ***
เรื่องจาก : runnersworld.com
ภาพ : IG. jonathan_acott_motivation