เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่ สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส.รวม 39 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ

จากกรณีปลุกระดมประชาชนมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น, ขัดขวางการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั่วไป เพื่อไม่ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่บริหารประเทศ, จัดตั้งกองกำลังพร้อมอาวุธบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญหลายแห่ง เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้, ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. เพื่อแต่งตั้งคณะบุคคลเป็นรัฐบาลประชาชน เพื่อออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. รวมทั้งนำมวลชน Shutdown ปิดถนนกรุงเทพมหานคร 7 จุดตั้งเวทีปราศรัย เหตุเกิดเมื่อปี 2556-2557 โดย นายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

เมื่อปี 2564 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกแกนนำ 27 คน อาทิ นายสุเทพให้จำคุก 5 ปี, นายชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี ส่วนจำเลยคนอื่นก็รับโทษลดหลั่นกันไป และบางส่วนศาลพิพากษายกฟ้องอีก 12 คน รวม 39 คน แต่มีจำเลยเสียชีวิตแล้ว 2 คน

ก่อนเข้าห้องพิจารณา นายสุเทพ เปิดเผยว่า ไม่กังวล ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมน้อมรับ ในคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ตัวเองถูกสั่งจำคุก ก็ได้เข้าไปนอนเรือนจำ 2 คืนก่อนได้รับการประกันตัวออกมา และหากคราวนี้ถูกสั่งจำคุกอีก ก็คง 2 คืนเหมือนเดิม โดยตัวเองได้เตรียมเสื้อผ้าชุดกางเกงขาสั้นมาไว้พร้อมแล้ว พร้อมขอบคุณมวลชนที่ยังคงให้กำลังใจถึงทุกวันนี้