เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นางอังคณา นีละไพจิตร ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มที่ 17 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการนับคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รอบที่ 2 แบบไขว้แล้วเสร็จ ว่า ในส่วนของภาคประชาสังคม ผ่านเข้ามา 3 คน และมีสำรองด้วย ก็ถือว่าในส่วนของภาคประชาชนที่เข้ามา เราได้ตำแหน่งทั้งที่เป็น สว. และสำรอง แต่ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังกับระบบของการเลือก เพราะเรามาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ระบบที่มี บางคนกลับมีคะแนนสูงลิ่ว และภาคประชาชนที่กระจายในกลุ่มต่างๆ มีน้อยมากที่จะสามารถเข้ามาได้ ทำให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญที่เขียนเพื่อที่จะให้ทุกคนมีส่วนร่วม แต่จริงๆ มีปัญหาอุปสรรคมาก ที่จะทำให้คนธรรมดาแบบเราจะเข้ามาทำหน้าที่ สว. ได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตถึงการล็อกโหวตนั้น น.ส.อังคณา กล่าวว่า ก็จะสังเกตได้จะเห็นว่าบางคนมีคะแนนสูง และเกาะกลุ่มกันคะแนนสูงโด่งขึ้นไปเลย เราก็คุยกันในหมู่ภาคประชาสังคม เห็นว่าเราพร้อมที่จะเข้ามาทำงาน แต่พอมาเจอวิธีการในการที่จะเข้ามาเป็นกลุ่ม ทำให้รู้สึกผิดหวังว่า มันเป็นพื้นที่มีการจองไว้สำหรับคนบางคน และภาคประชาสังคมก็เข้ามาได้น้อยมาก และในกลุ่ม 17 ก็มีทุกรูปแบบ เช่น นักธุรกิจ อสม. รวมถึงคุณสมบัติที่มีการเขียนไว้บรรทัดเดียว แต่ก็สามารถเข้ามาในรอบสุดท้ายได้ ขณะที่เพื่อนๆ น้องๆ ที่ทำงานหนัก กลับต้องตกรอบไปตั้งแต่รอบที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงกรณีมีบางคนจะยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ นางอังคณา กล่าวว่า การดำเนินการควรที่จะเป็นไปอย่างโปร่งใส รัฐธรรมนูญบอกว่าการที่จัดวิธีเลือกตั้งแบบพิสดาร เพื่อให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้ แต่หากเราลองสังเกตแทบทุกกลุ่ม จะเห็นได้ว่าภาคประชาสังคมที่เข้ามาจริงๆ จะอยู่ในกลุ่มท้ายๆ เกือบหล่น หรือบางคนอาจตกอยู่ในตำแหน่งสำรอง จึงเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า คนที่ไม่มีเส้นสาย หรืออำนาจ เข้ามาได้ไม่ง่าย

เมื่อถามว่า มีการระบุว่ามีกลุ่มการเมือง นางอังคณา กล่าวว่า ก็มีหลายคนที่พูดถึงว่ามีกลุ่มการเมืองที่เข้ามาสนับสนุน แต่ส่วนตัวไม่กล้าที่จะพูดว่าเป็นกลุ่มการเมืองไหน หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะก็มีพรรคการเมืองที่เป็นฝั่งรัฐบาลด้วย และได้คะแนนน้อยก็มี จึงไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร แต่ลักษณะของคะแนนตอนนี้มีความห่างกัน ทั้งๆ ห่างกันเพียงแค่ 10 ลำดับ.