เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. 67 ที่รัฐสภา ที่การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รมช.คลัง ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม  โดยถือเป็นการเริ่มประชุมครั้งแรก ซึ่งเป็นการพิจารณาเรียงตามรายมาตรา มีการเชิญตัวแทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ เข้าชี้แจง

เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในมาตรา 6 งบกลาง จำนวน 805,745 ล้านบาท มีการเชิญ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ เข้าชี้แจงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดย กมธ.ส่วนใหญ่จากพรรคก้าวไกล ได้ซักถามในประเด็นดังกล่าว อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. สอบถามกรณีที่มีการนำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่อ้างว่ากระตุ้นเศรษฐกิจว่า หากพิจารณาตาม มาตรา 22 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง การจะตั้งเป็นงบกลางต้องกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรหรือไม่ควรจัดสรรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ ซึ่งวันนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่าสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังที่มาชี้แจงครั้งนี้ แสดงว่าเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการนี้ใช่หรือไม่ เมื่อยังไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจน ในการจัดงบปี 2568 แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว การจะนำกลับไปอยู่กับสำนักงบประมาณคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว จึงขอถามว่าทำไมจึงต้องมาเพิ่มในรายการใหม่ และค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เข้าใจว่ามีการคำนวณว่าเป็นรายจ่ายลงทุน ตกลงแล้วจาก 1.52 แสนล้านบาทนี้ คิดเป็นรายจ่ายลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากจะระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น อาจจะตีความได้ว่าบางส่วนเป็นรายจ่ายลงทุนเหมือนในอดีตที่เคยใช้ในการลงทุนภาครัฐ ท้องถิ่น หรือเศรษฐกิจฐานราก แต่เมื่อเป็นการใช้จ่ายเพื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทำไมจึงมีการระบุว่า ร้อยละ 80 เป็นรายจ่ายลงทุน เพราะไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ หรือมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่ได้บอกว่าโครงการนี้จะมีกฎเกณฑ์นี้ให้ประชาชนใช้ในการลงทุนหรือซื้อสิ่งของที่เป็นไปในแนวทางการลงทุน เพราะเขาอาจจะใช้ในการบริโภคก็ได้ ดังนั้น การกำหนดสัดส่วนสูงเช่นนี้ จะสมเหตุสมผลหรือไม่ และหากหักลบในส่วนนี้ออกไปจากรายจ่ายลงทุนจริง จะทำให้รายจ่ายลงทุนของงบประมาณปี 2568 เหลืออยู่เท่าไหร่

นายวีระยุทธ์ กาญจน์ชูฉัตร  กมธ. พรรคก้าวไกล สอบถามว่า กรณีที่มีการชี้แจงการใช้จ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจในวัตถุประสงค์เขียนว่าอีกครั้งยังเป็นการรักษาความสามารถการแข่งขันของประเทศ จึงขอให้ชี้แจงว่าจะรักษาความสามารถการแข่งขันอย่างไร  ขณะที่นายวิจักขณ์ฤทธิ์ จิวจินดา กมธ. พรรคก้าวไกล สอบถามว่า กรณีที่มาของเงิน 3 ฝ่ายคือ งบกลางในปี 2568 งบบางส่วนในปี 2567 และจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขณะนี้ได้มีการชี้แจงจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าไม่สามารถใช้เงินจาก ธ.ก.ส.ได้ ฉะนั้น จึงขอถามว่าจะนำเงินจากส่วนไหนมาใช้ทดแทน

ด้านนายวีระ  ธีระภัทรานนท์ กมธ. พรรคก้าวไกล สอบถามว่า เราจะใช้เงินกว่า 1.52 แสนล้านบาทแต่กลับไม่มีรายละเอียด เช่น ที่มาของโครงการ ประมาณการได้ผลมากน้อยแค่ไหน หรือการจับจ่ายใช้สอย มีแต่บอกเป็นมติ ครม. ควรจะเอารายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นทั้งหมดมาให้ที่ประชุมพิจารณา เพราะข้อมูลที่สำนักงบประมาณให้มามีน้อยมาก ควรจะกลับไปทำข้อมูลมาใหม่จะดีกว่า

จากนั้น ทางตัวแทนสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ชี้เแจงว่า เหตุผลที่ต้องใช้งบกลาง เพราะไม่รู้เป้าหมายและยังไม่รู้หน่วยงาน ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่รู้หน่วยงาน กระทรวงการคลังแค่เป็นผู้จัดทำคำขอของวงเงินนี้ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ส่วนเรื่องหน่วยงานของรัฐที่จะเป็นแหล่งที่มาของเงินนั้น เรายังมองอยู่ที่ ธ.ก.ส. แต่ยังไม่ได้หารือไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งจะมีการหารือภายในเกี่ยวกับข้อกฎหมายในเบื้องต้นก่อน ส่วนการใช้เงินนี้จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ เราได้พิจารณาแล้วในเรื่องส่วนการจัดงบประมาณการกู้เงินหนี้ของประเทศยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ส่วนข้อมูลรายละเอียดของโครงการเราจะทำเอกสารกลับมาเสนอให้ กมธ. อีกครั้ง

ด้านนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ กมธ. พรรคก้าวไกล  กล่าวว่า ตนพยายามตั้งใจฟังการอภิปรายของ กมธ.หลายคน และการชี้แจงของหน่วยงาน เห็นว่ายังมีรายละเอียดที่สำคัญอีกเยอะ ตนจึงคิดว่าจำเป็นต้องแขวนไว้ก่อนจนกว่าจะมีเอกสารเพื่อให้กมธ.ได้อ่านรายละเอียด หากจะให้พิจารณาผ่านๆ ไป ตนมองว่าไม่ดีแน่นอน ซึ่งตนสนใจเอกสารคำขอของงบประมาณแต่ละขั้นตอน เอกสารการพิจารณาตั้งรายการใหม่ขึ้นมา ทั้งเหตุผลและหน่วยงานที่เป็นผู้ชงเรื่อง รวมถึงเอกสารการคำนวณว่าเป็นรายจ่ายลงทุน และส่งผลอย่างไร วันนี้ให้พูดไปเรื่อยๆ ก็คงไม่จบแน่นอน

ด้านนายวีระ กล่าวเสริมว่า ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้มาจากคณะกรรมการนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต หากต้นเรื่องอยู่ที่นั่น ควรเอารายงานทั้ง 3 ครั้งมาให้ กมธ.ฯ ดูด้วยจะได้รู้ว่ามีการถกกันอย่างไรถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้โดยไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพ ทั้งเม็ดเงินทั้ง 3 ก้อน ตนมองว่าการคำนวณรายจ่ายลงทุนเป็น ร้อยละ 80 นั้นไม่ถูกต้อง ควรจะต่ำกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม กมธ.จากพรรคก้าวไกล ยังได้ขอเอกสารเพิ่มเติมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่อัปเดตล่าสุดและรายการค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในงบปี 2566 และปี 2567  มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมถึงเอกสารแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สามารถให้หน่วยงานนำนโยบายไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม

จากนั้นนายจุลพันธ์  รองประธาน กมธ. ในฐานะประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ตนในฐานะที่ดูแลงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจ สามารถชี้แจงด้วยวาจาได้ แต่อยากชี้แจงทางเอกสารมากกว่า แม้จะนั่งเป็น กมธ. ในฝ่ายรัฐบาลฟังการชี้แจงของหน่วยงานก็ยังงงว่าทำไมสรุปได้ขนาดนี้ ถ้าตนอยู่ฝ่ายค้านก็เห็นด้วยกับการแขวน ดังนั้น จึงขอกลับไปทำเอกสารมาใหม่แล้วจะนำกลับมารายงานในห้อง กมธ. อีกครั้งเมื่อมีความพร้อม และขอย้ำว่าต้องเป็นเอกสารครบถ้วนตั้งแต่เริ่มมีมติ ครม. การตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ลงรายละเอียด รวมถึงอนุกรรมการที่ลงในเนื้องาน รวมถึงข้อสงสัยของ กมธ. เพื่อนำกลับมาเสนออีกครั้ง ก่อนจะปิดประชุมเนื่องจากหมดวาระการพิจารณา.