เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้แทนสภา กทม. เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการศึกษา กับผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาโอวาดะ เมืองยาชิโย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนของ กทม. และเข้าร่วมประชุมหารือแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ สถานีดับเพลิงยาชิโย ประเทศญี่ปุ่น

สำหรับหลักสูตรการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น กำหนดให้นักเรียนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่พอเหมาะ เป็นการปฏิบัติต่อนักเรียนด้วยความเสมอภาค เน้นในเรื่องความยืดหยุ่น มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กได้มีความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกในสิ่งที่ตนเองชอบ พร้อมสนับสนุนให้ร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่ม นอกจากนี้ ยังปลูกฝังและพัฒนานักเรียนให้มีกรอบความคิดระดับโลก เพื่อที่จะช่วยให้เด็กนักเรียนสามารถสร้างความเป็นอิสระได้ทุกที่ในโลกได้สำเร็จ

ด้านนโยบายการบริหารจัดการของผู้บริหารโรงเรียน ได้ตั้งเป้าหมายไว้ภายในปีนี้คือ 1.ส่งเสริมสภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่จะทำให้นักเรียนแต่ละคนตั้งตารอที่จะมาเรียนทุกวันและกลับบ้านด้วยความรู้สึกประสบความสำเร็จ 2.ส่งเสริมและสร้างรากฐานทางวิชาการที่มั่นคงบนพื้นฐานของประสบการณ์การเรียนรู้ และการคิดอย่างอิสระ 3.ดูแลสภาพแวดล้อมทางกายภาพของโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน 4.สร้างวัฒนธรรมของโรงเรียนที่เคารพสิทธิมนุษยชน ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความรู้สึกยุติธรรมให้ปลูกฝังอยู่ในทุกคน 5.ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของโรงเรียนเอื้อต่อการเรียนรู้ ด้วยการสร้างบรรยากาศที่สงบและสะดวกสบาย และ 6.ร่วมมือกับผู้ปกครองอย่างแข็งขัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและทำให้เป็นโรงเรียนที่เชื่อถือได้

ประธานสภา กทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมและรับชมการสาธิตการฝึกช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนตึกสูงจากนักดับเพลิงของสถานียาชิโย ว่า สถานีดับเพลิงยาชิโย เป็น 1 ใน 5 ของสถานีดับเพลิงในจังหวัดชิบะ และยังเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองยาชิโยอีกด้วย ภายในสถานีมีหน่วยกู้ภัยพิเศษที่ต้องฝึกฝนการกู้ภัยกลางแดดเป็นเวลา 4 ชม.ต่อวัน รวมถึงหน้าหนาวด้วยเช่นกัน ซึ่งระหว่างที่คณะสภา กทม. รับฟังบรรยายเกี่ยวกับรถกู้ชีพและรถดับเพลิงขนาดต่างๆ นั้น ได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้สถานีดับเพลิงต้องส่งหน่วยกู้ภัยออกปฏิบัติหน้าที่ ทำให้คณะได้รับรู้กระบวนการการทำงานของนักดับเพลิงสถานียาชิโยอย่างใกล้ชิด ทั้งวิธีการแจ้งเหตุรวมไปถึงวิธีการสั่งการรถหน่วยต่างๆ เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่แบบเฉพาะเจาะจง โดยอุปกรณ์การกู้ภัยกับอุบัติเหตุ พื้นที่เกิดเหตุหรืออุบัติภัยต้องสอดคล้องกัน

“ความรู้ที่ได้จากสถานการณ์จริงครั้งนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์มาก และเห็นว่าบางส่วนอาจจะสามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับหน่วยงานของ กทม. ได้ ซึ่งผลจากการประชุมหารือครั้งนี้ สมาชิกสภา กทม. จะได้รวบรวมและนำไปเป็นข้อมูลประกอบการติดตามการทำงานหน่วยงานของ กทม. ที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์กับชาว กทม. ให้มากยิ่งขึ้น” ประธานสภา กทม. กล่าว