เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกลุ่มผู้เสียหายในการลงทุน กรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (STARK) ต่อมาการสอบสวนได้เสร็จสิ้น ส่งสํานวนให้พนักงานอัยการ และได้ฟ้องจําเลยต่อศาลอาญาแล้ว นั้น

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจํานวนมาก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความครบถ้วน มีความสมบูรณ์ของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในทุกมิติและมีการจัดทําข้อเสนอแนะเพื่อเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของตลาดทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายในภาพรวม ตลอดจนมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นธรรมในการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม จึงให้มีการแต่งตั้งคณะทํางานศึกษาแผนประทุษกรรมกรณีบริษัท สตาร์คฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ และสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนและตลาดเงินของประเทศไทย

อีกทั้งจะเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก ประกอบด้วยบุคคลต่อไปนี้ 1.นายพิชัย นิลทองคํา (อดีตอธิบดีศาลล้มละลายฯ เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุน) ประธานคณะทํางาน 2.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะทํางาน 3.ผู้แทนสํานักงานอัยการสูงสุด คณะทํางาน 4.พล.ต.ต.ดร.สมชาติ สว่างเนตร คณะทํางาน

5.นางภัทรสุภางค์ เฉลิมนนท์ คณะทํางาน 6.ดร.เพ็ชร ชินบุตร คณะทํางาน 7.นางอรัญญา ทองน้ำตะโก คณะทํางาน 8.นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล 9.ตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญ 2 ท่าน 10.ผู้อํานวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน 11.ผู้อํานวยการกองพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ 12.นางใกล้รุ่ง งามประเสริฐพงศ์ รองผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน 13.นายชนินทร์ พงษ์แพทย์ ผู้อํานวยการส่วนคดีความเห็นแย้ง และ 14.นายบุญยวัฒน์ การเวกพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวน ควบคุม การแลกเปลี่ยนเงินและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยคณะทำงานชุดนี้มีหน้าที่ศึกษาแผนประทุษกรรมคดีดังกล่าว  เพื่อรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริง เพื่อเป็นกรณีศึกษา มีอำนาจเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ และจัดส่งเอกสารต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะทำงานได้ เมื่อคณะทำงานมีความเห็นไปในแนวทางใด ให้รายงาน รมว.ยุติธรรม ตามช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป