รศ.นพ.วีรศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หมอหมู วีระศักดิ์ ซึ่งเปิดผลการศึกษาพบว่า WHO เตือน ความเกียจคร้าน เสี่ยงหัวใจวาย เป็นมะเร็ง และสมองเสื่อมจริงหรือไม่?

โดยคุณหมอหมู ระบุข้อความว่า องค์การอนามัยโลกเตือน 1 ใน 3 ของประชากรโลก ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยเพื่อสุขภาพของตนเอง และความเกียจคร้านทำให้ผู้ใหญ่ประมาณ 1.8 พันล้านคนทั่วโลก ตกอยู่ในอันตรายจากโรคเบาหวานประเภท 2 หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง และภาวะสมองเสื่อม อีกทั้ง WHO กล่าวว่า ผู้คนควรออกกำลังกาย ระดับปานกลางอย่างน้อย 2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเพียง 22 นาทีต่อวัน แต่ร้อยละ 31 ของประชากรโลก การไม่ออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามเงียบต่อสุขภาพ มีส่วนอย่างมากต่อการเกิดโรคเรื้อรัง

การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของ ดังนี้
1. โรคมะเร็งหลายชนิดได้ 8-28%
2. โรคหัวใจและหลอดเลือด 19%
3. โรคเบาหวาน 17%
4. ภาวะซึมเศร้าและภาวะสมองเสื่อม 28-32%

ควรออกกำลังกายเท่าใดและเมื่อใด?
คือ ผู้ที่มีอายุ 19 ถึง 64 ปี
1. ควรออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นระดับปานกลาง (การเดินเร็ว แอโรบิกในน้ำ ขี่จักรยาน เต้นรำ เทนนิสคู่ การเข็นเครื่องตัดหญ้า เดินป่า หรือโรลเลอร์เบลด) 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยใช้เวลา 21 นาทีต่อวัน หรือ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์
2. ควรออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นระดับหนัก (การวิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยานเร็วหรือบนเนินเขา การเดินขึ้นบันได กีฬา เช่น ฟุตบอล รักบี้ ฮ็อกกี้ กระโดดเชือก แอโรบิก ยิมนาสติก หรือศิลปะการต่อสู้) 75 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งอาจจะน้อยกว่า 11 นาทีต่อวัน หรือ 25 นาที 3 วันต่อสัปดาห์

นอกจากนี้ควรออกกำลังกายเวลาไหน?
โดยการศึกษาในปี 2022 นำโดยศาสตราจารย์ Paul J Arciero จากวิทยาลัย Skidmore รัฐนิวยอร์ก พบว่า
1. การออกกำลังกายช่วงเช้า จะช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง และสะโพกและช่วยแก้ปัญหาในการนอนหลับ
2. การออกกำลังกายช่วงเย็น จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายและช่วยปรับปรุงอารมณ์

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดที่หมอหมูได้นำเสนอ มีการอ้างอิงแหล่งที่มาชัดเจน และได้พยายามอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่บางครั้งอาจมีการโต้แย้งในข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องปกติในแวดวงวิชาการ ดังนั้นจึงขอเรียนทุกท่านว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความของหมอหมู และควรหาข้อมูลเพื่มเติมเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง..

ขอบคุณข้อมูล: อ้างอิง 1 และ อ้างอิง 2
ขอบคุณข้อมูล : หมอหมู วีระศักดิ์